15 เมนูอาหารญี่ปุ่น อร่อยฟิน เหมือนบินไปกินถึงญี่ปุ่น
ข้าวหมูทอดทงคัตสึ
เริ่มกันที่ เมนูอาหารญี่ปุ่น ยอดฮิตอย่าง ข้าวหมูทอดทงคัตสึ ข้าวหมูทอดสไตล์ญี่ปุ่น ที่จะทำให้คุณหลังรักการกินหมูทอด ด้วยสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใน อร่อยได้ในคำเดียว ทำให้เป็นหนึ่งในเมนูยอดนิยมของคนไทยเลยก็ว่าได้ ซึ่งสูตรนี้ได้มาจาก เชฟโฌ เชฟชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ เลยทีเดียว รับรองว่า ถ้าทำขาย รสชาติอร่อย ไม่แพ้ร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังแน่นอน
ส่วนผสมหมูทอด
- หมูสันนอก
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- แป้งเค้ก 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- แป้งเค้กสำหรับชุบเนื้อหมู
- เกล็ดขนมปัง
ส่วนผสมซอสทงคัตสึ
- งาขาว 20 กรัม
- ซอสโชยุ 10 กรัม
- วูสเตอร์ซอส 20 กรัม
- ซอสมะเขือเทศ 20 กรัม
- น้ำตาล 10 กรัม
- น้ำเปล่า 20 กรัม
วิธีทำหมูทอด
- ใช้กระดาษทิชชู่ ซับเนื้อหมูให้แห้ง ถ้ามีมันหมูและเอ็นหมู ติดกับเนื้อหมู ให้ใช้มีดหั่น ให้ขาดแยกออกจากกัน เพื่อเวลาทอด เนื้อหมูจะไม่งอหรือหดตัว ทั้ง 2 ด้าน จากนั้น ใช้ส้อมจิ้มเนื้อหมูให้มีรูพรุน แล้วใช้สันมีดทุบเนื้อหมูให้นุ่มลง แล้วเริ่มหมัก โดยใส่เกลือ พริกไทย ตามชอบ
- ทำแป้งชุบทอด โดยตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จากนั้น ใส่แป้งเค้ก น้ำเปล่า น้ำมันพืช คนให้เข้ากัน จนเป็นลักษณะครีม เหนียวข้น
- นำเนื้อหมูชุบลงในแป้งเค้ก ตามด้วยแป้งชุบทอดและเกล็ดขนมปัง จากนั้น ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป รอจนน้ำมันร้อนได้ที่ ประมาณ 170 องศาแล้ว ใส่เนื้อหมูลงไป ทอดจนหมูสีเหลืองทองกรอบ ใช้เวลา 4 นาที ครบเวลา ให้ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำมัน
วิธีทำซอสทงคัตสึ
- ตั้งกระทะ ใส่งาขาวลงไป คั่วให้มีกลิ่นหอม จากนั้น นำใส่เครื่องปั่น แล้วปั่นให้ละเอียด
- เตรียมชามผสม ใส่ซอสโชยุ วูสเตอร์ซอส ซอสมะเขือเทศ น้ำเปล่า น้ำตาล เสร็จแล้ว คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จนกว่าน้ำตาลจะละลาย
- พอน้ำตาลละลายดีแล้ว ให้ใส่งาขาวคั่วลงไป คนให้เข้ากัน
- จัดเสิร์ฟ คู่กับ หมูทอดทงคัตสึ เป็นอันเสร็จ
ข้าวหมูทอดคัตสึด้ง
ข้าวหมูทอด สไตล์ญี่ปุ่น ที่มีความแตกต่างจาก ข้าวหน้าหมูทงคัตสึ ตรงที่ หมูทอดนั้น จะถูกนำไปตุ๋นรวมกับไข่ แล้วราดลงบนข้าวอีกทีหนึ่ง ทำให้เป็น เมนูอาหารญี่ปุ่น ที่ได้รสชาติของซุปไข่ กินแล้วไม่ฝืด ลื่นคอกำลังดี
ส่วนผสม
- หมูสันนอก
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- หอมใหญ่ 1/2 ลูก
- แป้งทอดกรอบ
- เกล็ดขนมปัง
- น้ำซุปชาบูน้ำดำแบบขวด 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- ปอกเปลือกหอมใหญ่ แล้วหั่นเป็นเส้นเล็ก ๆ เตรียมไว้
- เตรียมหมูสันนอก โดยใช้กระดาษทิชชู่ซับเนื้อหมูให้แห้ง ถ้ามีมันหมูและเอ็นหมู ติดกับเนื้อหมู ให้ใช้มีดหั่น ให้ขาดแยกออกจากกัน เพื่อเวลาทอด เนื้อหมูจะไม่งอหรือหดตัว ทั้ง 2 ด้าน จากนั้น ใช้ส้อมจิ้มเนื้อหมูให้มีรูพรุน แล้วใช้สันมีดทุบเนื้อหมูให้นุ่มลง แล้วเริ่มหมัก โดยใส่เกลือ พริกไทย ตามชอบ
- ตอกไข่ไก่ ใบที่ 1 ใส่ชามผสม ตีให้เข้ากัน สำหรับเตรียมชุบหมู พร้อมกับเตรียมแป้งทอดกรอบ เกล็ดขนมปังเตรียมไว้
- นำเนื้อหมูมาชุบแป้งทอดกรอบ ชุบไข่ ตามด้วย เกล็ดขนมปัง จากนั้น ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป รอจนน้ำมันร้อนได้ที่แล้ว ใส่เนื้อหมูลงไป ทอดจนหมูสีเหลืองทองกรอบแล้ว ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำมัน
- เตรียมทำซุปไข่ โดยใส่น้ำซุปชาบูน้ำดำ 4 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะให้เข้ากัน เตรียมไว้
- จากนั้น ตั้งกระทะ แล้วนำหอมใหญ่มาผัดในกระทะ ให้นิ่มลง พอนิ่มลงดีแล้ว ให้เทน้ำซุปลงไป แล้วหั่นเนื้อหมูทอดเป็นชิ้น ๆ วางลงไป
- พอน้ำเดือดแล้ว ให้ตอกไข่ไก่ ใบที่ 2 ตีให้เข้ากัน แล้วเทลงไปในกระทะ ปิดฝาหม้อ ตุ๋นไข่ให้ได้ความสุกตามที่ต้องการ ใช้เวลาประมาณ 10 วินาที เป็นอันเสร็จ
ข้าวแกงกะหรี่ญี่ปุ่น
อีกหนึ่งเมนู ข้าวหมูทอด สไตล์ เมนูอาหารญี่ปุ่น ที่อร่อยและเข้มข้นยิ่งขึ้น เมื่อได้แกงกะหรี่รสชาติเข้มข้นมาทานคู่กัน จะทำให้คุณได้เพลิดเพลิน กับทั้งรสชาติของแกงกะหรี่และหมูทอดในมื้อเดียว
ส่วนผสม
- หมูสันนอก 4 ชิ้น
- สะโพกไก่ 200 กรัม
- พริกแกงกะหรี่ญี่ปุ่น 120 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- หอมใหญ่ 400 กรัม
- น้ำมันรำข้าว 3 ช้อนโต๊ะ
- ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสต็อคดาชิแบบเข้มข้น 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำสะอาด 3 ถ้วย
- แป้งสาลีอเนกประสงค์
- เกล็ดขนมปัง
- ข้าวสวยญี่ปุ่น
- ผักดอง
วิธีทำ
- หั่นหอมใหญ่และสะโพกไก่ ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันรำข้าวลงไป ตามด้วยหอมใหญ่และสะโพกไก่ ผัดให้เข้ากันจนกว่าหอมใหญ่จะนิ่มลง
- ใส่น้ำเปล่า และ น้ำสต็อคดาชิแบบเข้มข้นลงไป คนให้เข้ากัน เคี่ยวด้วยไฟกลางค่อนไฟอ่อน พอน้ำซุปเริ่มงวดลงแล้ว ให้ใส่พริกแกงกะหรี่ญี่ปุ่น และซอสมะเขือเทศลงไป คนให้เข้ากัน จนกว่าพริกแกงกะหรี่ญี่ปุ่นจะละลาย จากนั้น เคี่ยวต่อไป จนเมื่อได้ซอสแกงกะหรี่ที่มีความข้นหนียวตามต้องการแล้ว ให้ปิดไฟ พักไว้
- เตรียมทำหมูทอด โดยใช้ส้อมจิ้มเนื้อหมูให้ทั่ว จากนั้น โรยเกลือและพริกไทย แล้วนำไปชุบแป้งสาลี ไข่ไก่ และเกล็ดขนมปัง เสร็จแล้ว นำไปทอดในน้ำมันเดือดจัด จนมีสีเหลืองทองกรอบได้ที่แล้ว ให้ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำมัน
- จัดเสิร์ฟ ตักซอสแกงกะหรี่ราดข้าวสวยญี่ปุ่น แล้วหั่นหมูทอดเป็นชิ้น ๆ พร้อมกับผักดองไว้ข้าง ๆ เป็นอันเสร็จ
ข้าวหน้าเนื้อดงบุริ
สูตร ข้าวหน้าเนื้อ สไตล์ เมนูอาหารญี่ปุ่น ของ Youtuber ช่อง Chef Bas Fast Food ถอดแบบมาจากข้าวหน้าเนื้อญี่ปุ่นแท้ ๆ เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะในส่วนของซอสผัด ที่ใช้น้ำซุปดาชิ มิริน และ ซอสโชยุ เป็นส่วนผสม ซึ่งถ้าหากใครอยากทำให้เหมือนต้นฉบับ ทำตามสูตรนี้ได้เลย รับรองว่า ไม่ผิดหวัง
ส่วนผสม
- เนื้อใบพายสไลซ์ 250 กรัม
- ข้าวญี่ปุ่น 1 ถ้วย (ใช้ข้าวหอมมะลิแทนก็ได้)
- ไข่ไก่ 1 ฟอง (แช่เย็น)
- หอมหัวใหญ่ 1 หัว
- ต้นหอมญี่ปุ่น 1 ต้น
- ต้นหอม 3 ต้น
- น้ำซุปดาชิ 5 ช้อนโต๊ะ
- มิริน 2 ช้อนโต๊ะ
- สาเก 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสโชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 1 ช้อนชา
- พริกไทย นิดหน่อย
วิธีทำ
- ใช้มีดหั่นหอมหัวใหญ่ ต้นหอมญี่ปุ่น ต้นหอม เตรียมไว้
- ตั้งกระทะ เปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันลงไป ตามด้วยหอมหัวใหญ่ ผัดให้สลดลง มีสีสุกใส
- ใส้เนื้อวัวลงไป ผัดให้เนื้อวัวสุก พอสุกแล้ว ให้ใส่มิริน สาเก ซอสโชยุ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- จากนั้น เติมน้ำซุปดาชิลงไป (ใช้ผงปลาโอแห้ง ผสมกับน้ำเปล่า) ในกระทะ โรยน้ำตาลลงไปเล็กน้อย แล้วนำฝาอบมาปิด เคี่ยวให้เนื้อวัวสุกทั่วกัน
- ใส่ต้นหอมญี่ปุ่นลงไป เคี่ยวให้น้ำซอสงวดลง พองวดลงดีแล้ว ให้ตักเฉพาะเนื้อขึ้นมา โปะลงบนข้าว ตอกไข่ไก่ แยกเอาเฉพาะไข่แดง วางไว้ตรงกลาง โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย งาขาวคั่ว แล้วราดด้วยน้ำซอสที่อยู่ในกระทะ เป็นอันเสร็จ
ราเมนหมูชาชู
ราเมน เมนูอาหารญี่ปุ่น แบบเส้น ที่คนไทยหลายคนชื่นชอบ ไม่แพ้การกินก๋วยเตี๋ยวแบบจีน เพราะให้รสชาติของน้ำซุปที่เข้มข้น แถมเส้นยังหนานุ่ม ยิ่งกินกับหมูชาชู ยิ่งอร่อย ซึ่งถ้าหากใครอยากทำทานเองที่บ้าน ไม่ต้องไปกินที่ร้าน ชามละ 200 – 300 บาท แล้วละก็ ทำตามสูตรนี้ได้เลย รับรองว่า อร่อยไม่แพ้กัน
ส่วนผสมน้ำซุป
- กระดูกเล้ง 1 กิโล
- ซี่โครงหมูอ่อน 1 กิโล
- กระดูกไก่ 500 กรัม
- ต้นหอมญี่ปุ่น 2 ต้น
- หอมใหญ่ 2 หัว
- กระเทียมจีน 5 กลีบ
- ขิงแก่ 6 แว่น
- น้ำตาลกรวด 2 ช้อนโต๊ะ
- มิริน 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงดาชิ 15 กรัม
- ซอสโชยุ 2 ช้อนโต๊ะ
- ซุปไก่สำเร็จรูป 1 ก้อน
ส่วนผสมเส้นราเมน
- แป้งสาลี 500 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- เกลือเล็กน้อย
- น้ำเปล่า (ใส่รวมกับไข่ ให้ได้ 250 กรัม)
- แป้งมัน (ใช้สำหรับตอนนวด)
ส่วนผสมหมูชาชู
- เนื้อหมูส่วนสะโพก 550-600 กรัม
- โชยุ 150 มิลลิลิตร
- สาเก หรือเหล้าจีน 5 ช้อนโต๊ะ
- นํ้ามันงา 4 ช้อนโต๊ะ
- Chinese five spice powder ½ ช้อนชา (ถ้าชอบ)
- นํ้าเปล่า 100 มิลลิลิตร และเพิ่มอีกประมาณ 200 มิลลิลิตร ระหว่างตุ๋น
- นํ้าตาล 100 กรัม
- ขิง1 แว่น
- ต้นหอมซอย 3 ช้อนโต๊ะ หรือต้นหอมญี่ปุ่น ½ ต้น
- กระเทียมจีน 2 กลีบ ซอยบาง ๆ
วิธีทำน้ำซุป
- นำกระดูกเล้ง ซี่โครงหมูอ่อน กระดูกไก่ คลุกกับแป้งมัน แล้วล้างน้ำให้สะอาด จากนั้น ลวกกับน้ำร้อน ใช้เวลาต้ม 10 นาที เสร็จแล้ว นำไปล้างน้ำสะอาดอีก 2 – 3 รอบ
- ตั้งหม้อ ใส่น้ำเปล่าลงไปประมาณ 2 ลิตร เปิดไฟกลางค่อนไฟแรง แล้วใส่กระดูกเล้ง ซี่โครงหมูอ่อน กระดูกไก่ ต้นหอมญีปุ่น หอมใหญ่ กระเทียมจีน ขิงแก่
- ปรุงรสด้วย น้ำตาลกรวด มิริน ผงดาชิ ซอสโชยุ ซุปไก่สำเร็จรูป คนให้ละลายเข้ากัน พอน้ำเดือดแล้ว ให้ลดเป็นไฟกลางค่อนไฟอ่อน ต้มไปเรื่อย ๆ จนกว่าซี่โครงจะอ่อนนุ่ม ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง
- พอครบเวลา ให้ตักซี่โครงหมูอ่อนออก แล้วต้มน้ำซุปต่อไป ใช้เวลาอีก 1 – 2 ชั่วโมง จนกว่าเนื้อตามกระดูกจะเปื่อยจนหลุดออก เสร็จแล้ว เทกรองผ่านกระชอน ให้ได้แต่น้ำซุปออกมา ส่วนเนื้อหมูที่เหลือ ให้นำไปปั่นให้ละเอียด แล้วนำมาเทรวมกับน้ำซุป
- นำน้ำซุปใส่หม้อ แล้วไปต้มด้วยไฟอ่อน ให้น้ำซุปร้อน เตรียมไว้
วิธีทำเส้นราเมน
- เตรียมชามผสม ใส่แป้งสาลีลงไป
- ตอกไข่ไก่ใส่ชามผสมอีกใบ ใส่เกลือ และ น้ำเปล่า ให้รวมกันได้ 250 มิลลิลิตร
- ค่อย ๆ เทไข่ไก่ใส่ลงไปรวมกับแป้งสาลี คนให้เข้ากัน จากนั้น ใช้มือนวดให้แป้งจับตัวเป็นก้อน และ มีเนื้อเนียนนุ่มเป็นก้อนเดียวกัน เสร็จแล้ว ใช้พลาสติกแรปปิดปากชาม พักแป้งทิ้งไว้ 30 นาที
- โรยแป้งมันลงบนพื้นโต๊ะให้ทั่ว จากนั้น ใช้มือกดแป้ง แผ่ให้เป็นแผ่น แล้วใช้ไม้นวด รีดแป้งให้เป็นแผ่นบาง ประมาณ 2 – 3 เซนติเมตร ตามความชอบ
- พับแผ่นแป้งเข้าหากัน 3 – 4 ทบ แล้วใช้มีดหั่นแป้งออกมา ตามความหนาที่ต้องการ
วิธีทำหมูชาชู
- มัดหมูด้วยเชือก สำหรับมัดหมู มัดเป็นปล้อง ๆ เวลาทำเสร็จจะได้เป็นชิ้นสวย ถ้าชอบหมูสามชั้น และอยากได้ look แบบร้านราเมน ให้ม้วนหมูตามขวางแล้วมัดให้แน่น เหมือนเวลาเราม้วนอกไก่
- หมักหมูกับส่วนผสมทั้งหมด ใส่ถุงซิปล็อค เข้าตู้เย็นทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน
- เอาหมูออกจากตู้เย็นใส่หม้อ เทนํ้าลงไปสัก 200 มิลลิลิตร และเปิดไฟอ่อน ตุ๋นไปเรื่อย ๆ จนหมูสุก และนุ่ม ชุ่มฉํ่า
- ผ่านไปประมาณ 2 ชั่วโมง เราจะได้หมูตุ๋นนุ่ม ๆ เป็นเงาวิบวับ รสชาติอร่อย สำหรับใส่ราเม็ง หรือกินกับข้าวสวยร้อน ๆ ระหว่างตุ๋น ระวังนํ้าแห้งกันด้วย
- พอหมูสุกนุ่มแล้ว ทิ้งไว้สัก 30 นาที หมูทีตุ๋นเสร็จใหม่ ๆ นอกจากจะร้อนเกิน หั่นยากแล้ว แม้ว่าจะหั่นได้หมูก็จะไม่เป็นชิ้นสวย แถมนํ้าที่อยู่ในหมูจะไหลออกมาทำให้หมูเสียความชื่มชุื่น
วิธีจัดเสิร์ฟ
- ต้มน้ำให้เดือด นำเส้นราเมนมาลวกให้สุก แล้วใส่ชาม
- ตักน้ำซุปราดลงไป วางหมูชาชูไว้ด้านบน พร้อมไข่ต้ม โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย ตามชอบ เป็นอันเสร็จ
สำหรับใครที่อยากทำ เส้นราเมน ด้วยตัวเอง แต่ไม่ต้องการนวดแป้งให้เมื่อยมือ และ สามารถรีดแป้งออกมาเป็น เส้นราเมน ได้แบบสบาย ๆ แนะนำให้ใช้ เครื่องทำเส้นบะหมี่ เครื่องทำเส้นพาสต้า ของ SGE โดยตัวเครื่องสามารถทำเส้นออกมา ได้ถึง 9 รูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น เส้นราเมน เส้นบะหมี่ เส้นพาสต้า ก็ทำได้ เพียงแค่เทแป้งและไข่ไก่ลงไป ตัวเครื่องก็จะทำการนวดแป้งให้โดยอัตโนมัติ พร้อมกับรีดเส้นออกมาได้ด้วยตัวเอง หากสนใจ คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/product/automatic-pasta-maker/
ยากิโซบะ
ยากิโซบะ สูตรนี้ ใช้วัตถุดิบแบบดั้งเดิมที่นิยมใช้กัน นั่นคือ เส้นยากิโซบะ เนื้อหมู กะหล่ำปลี แครอท ถั่วงอก ผัดคลุกเคล้าเข้าด้วยกัน ด้วยซอสแบบโฮมเมด ให้รสชาติแบบที่เราคุ้นเคย โดยสูตรนี้เป็น เมนูอาหารญี่ปุ่น แบบที่แม่บ้านชาวญี่ปุ่นทำกันเลยทีเดียว บอกต่อจากช่อง Just One Cookbook มาดูกันว่า ยากิโซบะแบบดั้งเดิมจากญี่ปุ่น มีวิธีการทำอย่างไร
ส่วนผสมซอส
- น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 4 ช้อนโต๊ะ
- ซอสมะเขือเทศ 4 ช้อนโต๊ะ
- วูสเตอร์ซอส 4 ช้อนโต๊ะ
วัตถุดิบ
- เส้นยากิโซบะ 1 แพคใหญ่
- หมูสามชั้นสไลด์ 120 กรัม
- กะหล่ำปลี 4 ใบใหญ่
- หอมใหญ่ ครึ่งลูก
- แครอท 1 หัว
- เห็ดชิตาเกะ 3 หัว
- ต้นหอม 2 ต้น
- สาหร่ายป่นอาโอโนริ (Aonori)
- ขิงดองเบนิโชกะ (Beni Shoga)
วิธีทำ
- เตรียมวัตถุดิบ โดยนำกะหล่ำปลี มาสับหยาบ ๆ ไม่ให้ชิ้นเล็ก หรือ ชิ้นใหญ่ เกินไป
- ซอยหอมใหญ่ แครอท เห็ด ต้นหอม เป็นชิ้นเล็ก ๆ
- นำเส้นยากิโซบะไปลวกน้ำสะอาด ให้เส้นอ่อนและนุ่มลง
- ใส่น้ำมันลงในกระทะ เอาเนื้อหมูสามชั้นสไลด์ลงไปผัด จนกว่าจะสุก
- นำหอมใหญ่และแครอทลงไปผัดก่อน เมื่อเริ่มอ่อนลง ค่อยนำต้นหอม กะหล่ำปลี เห็ด ลงไปผัดต่อ
- ปรุงรสด้วยพริกไทยเล็กน้อย
- นำเส้นยากิโซบะลงไปผัด
- เติมซอสยากิโซบะลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- จัดจาน ตกแต่งหน้าตาด้วยสาหร่ายป่นอาโอโนริ ขิงดองเบนิโชกะ
ซูชิหน้าปลาแซลม่อน
ซูชิหน้าปลาดิบ เมนูอาหารญี่ปุ่น ยอดฮิต ที่ถือเป็นอาหารประจำชาติอีกหนึ่งเมนู โดยเฉพาะ ซูชิหน้าปลาแซลม่อน ซึ่งเป็นซูชิหน้าปลาดิบที่คนไทยชอบรับประทานมาก ๆ วิธีการทำก็ไม่ยาก เพียงแค่หุงข้าว และ ปรุงข้าวญี่ปุ่น ให้พร้อมปั้นเป็นข้าวซูชิ แล่เนื้อปลาแซลม่อนไว้ด้านบน เพียงเท่านี้ ก็พร้อมคีบเข้าปาก ทานได้แล้ว
ส่วนผสมข้าวซูชิ
- ข้าวญี่ปุ่นสำหรับทำข้าวปั้น 2 ถ้วยตวง
- น้ำสะอาด 300 มิลลิลิตร
- สาหร่ายคอมบุ 1 แผ่น
- น้ำส้มสายชู หมักจากข้าว 55 มิลลิลิตร
- น้ำตาลทราย 35 กรัม
- เกลือ 10 กรัม
ส่วนผสมซูชิหน้าปลาแซลม่อน
- ข้าวซูชิ
- เนื้อปลาแซลม่อน
วิธีทำข้าวซูชิ
- เทข้าวญี่ปุ่น ใส่ชามผสม จากนั้น ล้างน้ำให้สะอาด
- ใช้มือขัดเพื่อให้ยางข้าวออก แล้วล้างน้ำสะอาดอีกรอบ ทำอย่างนี้อีก 3-4 ครั้ง จนกว่าน้ำจะขาวใส ไม่ขุ่น เสร็จแล้ว แช่น้ำทิ้งไว้ 40 นาที – 2 ชั่วโมง หรือ ตามที่ข้างถุงแนะนำ
- นำข้าวมากรองน้ำผ่านกระชอน ผึ่งให้แห้ง ประมาณ 5 นาที แล้วนำไปหุงให้สุก โดยใช้น้ำสะอาด 300 มิลลิลิตร (ใช้อัตราส่วนข้าวกับน้ำ 1 : 1) และใส่สาหร่ายคอมบุลงไป 1 แผ่น เพื่อให้มีกลิ่นหอม
- ปรุงข้าวซูชิ โดยเตรียมชามผสม ใส่น้ำตาลทราย เกลือ และน้ำส้มสายชู หมักจากข้าว คนให้น้ำตาลและเกลือละลายเข้ากัน
- ตักข้าวญี่ปุ่นที่สุกแล้ว ลงในชามผสม จากนั้น ใส่น้ำส้มสายชูลงไปในข้าว แล้วใช้ทัพพีคนให้ข้าวโดนน้ำส้มสายชูให้ทั่วกัน
- พอข้าวกับน้ำส้มสายชูเข้ากันดีแล้ว ให้ใช้พัด พัดให้ข้าวเย็นตัวลงเล็กน้อย แล้วนำผ้าขาวบางมาปิดข้าวไว้ ให้ข้าวดูดซึมน้ำส้มสายชูเข้าไปได้เต็มที่ พักทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมง เป็นอันเสร็จ
วิธีทำซูชิหน้าปลาแซลมอน
- หุงข้าวและปรุงข้าวญี่ปุ่น เพื่อทำเป็นข้าวปั้นสำหรับทำซูชิ
- ตักข้าวญี่ปุ่นใส่แม่พิมพ์ กดให้เข้ารูป จนได้เป็นข้าวปั้นรูปวงรี จากนั้น วางเรียงไว้บนถาดเตรียมไว้
- หั่นเนื้อปลาแซลมอนดิบ ออกเป็นชิ้น ๆ ให้สวยงาม เสร็จแล้วนำมาโปะไว้ด้านบน เป็นอันเสร็จ
» ดู วิธีทำซูชิ อีก 8 หน้า ที่ วิธีทำซูชิ 8 หน้า ยอดนิยม ทำกินเองที่บ้าน ทำขายสร้างอาชีพก็ดี «
ปลาซาบะย่างซอสเทริยากิ
ใครอยากทาน ปลาซาบะราดซอสเทริยากิ แบบดั้งเดิม แนะนำให้ลองทำตามสูตรนี้เลย เพราะนี่คือสูตรจาก เชฟโฌ เชฟชาวญี่ปุ่นที่มาอาศัยอยู่ในประเทศไทย รับรองว่าไม่ต้องไปทานถึงร้านอาหารญี่ปุ่น ก็จะได้ลิ้มรสชาติที่อร่อย ตามแบบฉบับชาวญี่ปุ่นแน่นอน
ส่วนผสม
- ปลาซาบะ 1/2 ตัว
- แป้งเค้ก
- ต้นหอมญี่ปุ่น ปริมาณตามชอบ
- น้ำซุปดาชิ 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสโชยุ 1 ช้อนโต๊ะ
- เหล้ามิริน 2 ช้อนโต๊ะ
- สาเก 2 ช้อนตะ
- น้ำตาล 15 กรัม
- ขิงฝน 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- ใช้กระดาษทิชชู่ ซับเนื้อปลาซาบะให้แห้ง จากนั้น แงะเอาก้างปลาออกให้เรียบร้อย แล้วโรยเกลือทั้ง 2 ด้าน เพื่อดับกลิ่นคาวปลา และ ดึงน้ำออกจากตัวปลา ทำให้เนื้อปลาแห้ง พักทิ้งไว้ 20 นาที
- หั่นรากต้นหอมญี่ปุ่นออก เสร็จแล้ว หั่นแบ่งออกเป็น 4 ส่วนเท่า ๆ กัน
- ทำซอสเทริยากิ โดยเตรียมถ้วยผสม ใส่น้ำซุปดาชิ ซอสโชยุ สาเก มิริน น้ำตาล ขิงฝน คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน
- พอครบ 20 นาที ให้นำเอาปลาซาบะมาซับให้แห้ง ด้วยกระดาษทิชชู่ แล้วใช้มีดหั่นแบ่ง ให้ได้ขนาดตามที่ต้องการ เพื่อให้ซอสเข้าเนื้อปลาได้ง่ายขึ้น ให้ใช้มีดบั้งหนังปลาด้านบนด้วย
- นำเนื้อปลามาชุบแป้งเค้ก แค่พอบาง ๆ ไม่ต้องหนามาก จากนั้น ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อย ใส่ปลาและต้นหอมญี่ปุ่นที่หั่นไว้ลงไป ย่างปลาซาบะให้สุกทั้ง 2 ด้าน โดยใช้ไฟกลางค่อนไฟอ่อน เวลาวางให้วางด้านที่เป็นเนื้อปลาลงไปก่อน พอสุกแล้วให้พลิกกลับอีกด้าน เมื่อย่างปลาซาบะ และต้นหอมญี่ปุ่น จนสุกแล้ว ให้ตักขึ้นพักไว้
- เทซอสเทริยากิ ลงในกระทะ ใช้ไฟกลางค่อนไฟแรง เคี่ยวให้ซอสข้นเหนียวกำลังดี จากนั้น ใส่ปลาซาบะลงไป ราดซอสเทริยากิ ให้โดนเนื้อปลาทั่ว ๆ เพื่อให้ซอสขึ้นเงาสวยงาม ให้ใส่เหล้ามิรินลงไปเล็กน้อยด้วย เสร็จแล้ว ตักใส่จาน เสิร์ฟคู่กับต้นหอมญี่ปุ่น เป็นอันเสร็จ
เกี๊ยวซ่า
ถือว่าเป็น เมนูอาหารญี่ปุ่น ที่เหมาะกับเป็นของว่างมาก ๆ สำหรับ เกี๊ยวซ่า ด้วยรสสัมผัสจากแป้งเกี๊ยวที่กรุบกรอบและไส้หมู ผักต่าง ๆ ที่สอดไส้อยู่ด้านใน พอจิ้มกับซอสโชยุที่ให้รสเปรี้ยว ก็จะทำให้ได้ความกรอบนอกนุ่มใน พร้อมรสชาติเปรี้ยวจี๊ดที่ช่วยให้อร่อยมากขึ้น ซึ่งเมนู เกี๊ยวซ่า นั้นถือว่าเป็นเมนูเกี๊ยวทอดที่ฮิตมากในประเทศญี่ปุ่น ก่อนที่จะได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยสูตรและส่วนผสมต่าง ๆ มาจาก Youtuber ช่อง daddy cooking
ส่วนผสม
- แผ่นเกี๊ยวซ่าสำเร็จรูป
- ผักกาดขาว 200 กรัม
- หมูบด 300 กรัม
- แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอมซอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ขิงสับละเอียด 1 ช้อนชา
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
- โซยุ 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทย 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
- นำผักกาดขาวมาสับให้ละเอียด โรยเกลือลงไป คลุกให้เข้ากัน พักทิ้งไว้ 10 นาที จากนั้น นำมาใส่ผ้าขาวบาง บีบเอาน้ำจากกะหล่ำปลีออก
- ทำไส้เกี๊ยวซ่า โดยเตรียมชามผสมอาหาร ใส่หมูบด ซอสโชยุ ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย พริกไทยป่น น้ำมันงา คลุกให้เข้ากัน
- จากนั้น ใส่แป้งมันลงไป นวดให้เข้ากัน ตามด้วยขิงสับละเอียด กระเทียมสับ ผักกาดขาว ต้นหอมซอย คลุกเคล้าทุกอย่างเข้าด้วยกัน เป็นเนื้อเดียว
- ตักไส้มา 1 ช้อนโต๊ะ วางลงบนแผ่นแป้ง แล้วจับจีบประกบกัน วางลงในถาดที่คลุมด้วยผ้าขาวบาง ไม่ให้โดนลม
- เมื่อทำครบหมดแล้ว ให้นำไปทอด โดยควรใช้กระทะเทฟล่อน เพื่อไม่ให้แป้งติดกระทะ แต่ถ้าไม่มี ให้ทาน้ำมันรอบกระทะก่อน แล้วเริ่มทอด โดยการเทน้ำมัน ให้เทน้ำมันลงบนแผ่นแป้งเกี๊ยวซ่า เพื่อให้แป้งมีความกรอบ ใช้ไฟกลาง ทอดไปสักพักจนแป้งด้านล่างเริ่มกรอบ หรือส่งกลิ่นหอม ให้เติมน้ำเปล่า หรือน้ำสต็อกลงไปประมาณครึ่งแผ่นเกี๊ยว จากนั้น ปิดฝาอบทิ้งไว้ 10 นาที
- เมื่อไส้เกี๊ยวเริ่มสุกได้ที่ ให้นำฝาออก แล้วทอดต่อไป จนเมื่อน้ำในกระทะเริ่มแห้งดีแล้ว ให้นำกระดาษซับมันวางลงไป ตามด้วยจาน แล้วพลิกกระทะ จัดจานเสิร์ฟพร้อมซอสโชยุ ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ทาโกะยากิ
ทาโกะยากิ ไส้ปลาหมึก เป็น เมนูอาหารญี่ปุ่น ที่นิยมมาก ๆ ในโอซาก้า ซึ่งสูตรดั้งเดิมนั้น ปลาหมึกที่ใช้ ต้องเป็นปลาหมึกทาโกะ หรือ ปลาหมึกยักษ์ญี่ปุ่น และ ใช้เฉพาะส่วนหนวด มาทำเป็นไส้ ซึ่งถ้าหากใครอยากทำตาม ก็อาจต้องลงทุนกันสักหน่อย เพราะปลาหมึกชนิดนี้ ค่อนข้างมีราคาแพงไม่น้อยเลยทีเดียว
ส่วนผสม
- แป้งอเนกประสงค์ 170 กรัม
- แป้งข้าวเจ้า 80 กรัม
- ปลาหมึกทาโกะ 250 กรัม
- เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ (ล้างคาวปลาหมึก)
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- สาหร่ายคอมบุ 1 แผ่นใหญ่ (ทำน้ำซุปดาชิ)
- น้ำเปล่า 1 ลิตร (ทำน้ำซุปดาชิ)
- ต้นหอมซอยญี่ปุ่น 2 ต้น
- ปลาโอแห้ง 35 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
ส่วนผสมซอสทาโกะยากิ
- น้ำซุปดาชิ 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสบาร์บีคิว 4 ช้อนโต๊ะ
อุปกรณ์
- เตาทาโกะยากิ
วิธีทำ
- ตัดเฉพาะส่วนที่เป็นหนวดปลาหมึกออกมา นำไปแช่เย็นข้ามคืน จากนั้น โรยเกลือ แล้วนวดหรือขยำ เพื่อล้างกลิ่นคาวและเมือกที่เคลือบหนวดปลาหมึกออก และทำให้เนื้อหนวดปลาหมึกนุ่มขึ้น เสร็จแล้ว นำไปล้างน้ำทำความสะอาด
- นำสาหร่ายคอมบุ 1 แผ่นใหญ่ ไปแช่น้ำเปล่า 1 ลิตร เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หรือ ข้ามคืนได้ยิ่งดี เพื่อให้ได้น้ำซุปดาชิ จากนั้น ใส่เกลือ 1/2 ช้อนชา ต้มโดยใช้ไฟกลางให้น้ำเดือด พอเดือดแล้วให้ลดเป็นไฟอ่อน ตัดหนวดปลาหมึกเป็นเส้น ๆ ใส่ลงไป ใช้เวลา 3-4 นาที พอครบเวลาให้ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำ แล้วหั่นปลาหมึกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดพอดีสำหรับใส่หลุมบนเตาทาโกะยากิ
- ใส่ปลาโอแห้ง 35 กรัมลงไปในหม้อต้ม เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับน้ำซุป โดยขั้นตอนนี้ ให้ปิดไฟ ไม่ต้องใช้แก็ส ใช้ความร้อนเดิมของหม้อ ในการต้ม ใช้เวลา 10 -15 นาที พอครบเวลา ให้กรองผ่านกระชอน ลงในชามผสม ให้เหลือแต่น้ำซุป
- จากนั้น เริ่มทำแป้งทาโกะยากิ โดยการใส่แป้งอเนกประสงค์ 170 กรัม แป้งข้าวเจ้า 80 กรัม ลงไปในน้ำซุปที่ต้มไว้ คนให้แป้งละลายเข้ากัน ไม่ติดกันเป็นเม็ด เสร็จแล้ว ให้ตอกไข่ไก่ 2 ฟอง คนให้เข้ากันก่อน แล้วใส่เพิ่มลงไป คนให้เข้ากัน
- เริ่มปิ้งทาโกะยากิ โดยก่อนปิ้ง ให้เคลือบน้ำมันพืชให้ทั่วเตาก่อน เพื่อไม่ให้แป้งติด เสร็จแล้ว ใช้ไฟกลาง เปิดไฟวอร์มให้เตาร้อนได้ที่ จากนั้น จึงเทแป้งลงไป จนเต็มหลุม
- หย่อนหนวดปลาหมึกที่หั่นไว้ลงไป ตามด้วยต้นหอมซอย ปิ้ง 2 – 3 นาที จากนั้น ให้ใช้ตะเกียบไม้ แยกแป้งที่ติดออกจากกัน เสร็จแล้ว ให้คอยพลิกแป้งในแต่ละหลุมขึ้นมา เพื่อให้สุกทั่วกัน เป็นระยะ ๆ ปิ้งต่ออีก 3-5 นาที หรือจนกว่าแป้งจะเป็นสีเหลืองทองได้ที่
- ทำซอสทาโกะยากิ โดยเตรียมชามผสม ตักน้ำซุปดาชิ 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ ซอสบาร์บีคิว 4 ช้อนโต๊ะ คนให้เข้ากัน
- ใช้แปรงสำหรับทำอาหาร จุ่มลงไปในตัวซอส แล้วทาลงบนทาโกะยากิให้ทั่ว โรยหน้าด้วยปลาโอแห้ง พอสุกได้ที่แล้ว ให้ตักเสิร์ฟขึ้นรับประทานได้ เป็นอันเสร็จ
ไก่ทอดคาราอาเกะ
ไก่ทอด สไตล์ เมนูอาหารญี่ปุ่น ที่เป็นของว่างยอดฮิต เหมาะกับกินเป็นกับแกล้ม คู่กับเครื่องดื่มเย็นชื่นใจ โดยหากต้องการให้ไก่คาราอาเกะของคุณ กรอบนอก นุ่มใน ไม่เหมือนใคร แนะนำให้ครั้งแรกทอดที่อุณหภูมิ 170 องศาเซลเซียส จากนั้น พักทิ้งไว้ 3 นาที แล้วทอดอีกครั้งที่อุณหภูมิ 180 – 190 องศาเซลเซียส รับรองว่า หนังไก่จะกรอบ และ เนื้อมีความชุ่มฉ่ำ กินแล้วอร่อยฟินมากกว่าเดิม
ส่วนผสม
- สะโพกไก่ 3 ชิ้น
- แป้งเค้ก 1 ช้อนโต๊ะ
- แป้งมันฮ่องกง 2 ช้อนโต๊ะ
- ซอสโชยุ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
- สาเก 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมันงา 1 ช้อนชา
- ไข่ไก่ 1 ฟอง
- ขิงปอกเปลือก 10 กรัม
- กระเทียมปอกเปลือก 1 กลีบ
วิธีทำ
- ทำซอสหมักไก่ โดยเตรียมชามผสม ใส่ซอสโชยุ สาเก น้ำมันงา ตามด้วย ขิง และ กระเทียม สับให้ละเอียด แล้วใส่ลงไป คนให้เข้ากัน
- ใช้มีดเลาะเอากระดูก ตรงสะโพกไก่ออกให้เรียบร้อย จากนั้น ใช้กระดาษซับมัน ซับสะโพกไก่ให้แห้ง แล้วหั่นเป็นชิ้นใหญ่ ไม่ต้องเล็กมาก
- นำเนื้อสะโพกไก่ ใส่ชามผสม คลุกเคล้ากับซอสที่หมักไว้ให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ใช้พลาสติกแรปปิด โดยกดติดกับเนื้อไก่ไม่ให้มีอากาศ แล้วนำเข้าตู้เย็น หมักทิ้งไว้ 30 นาที
- พอครบเวลา ให้นำชามหมักเนื้อไก่ออกมา ตอกไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน แล้วใส่ลงไปชามประมาณครึ่งหนึ่ง แล้วคลุกเคล้าให้เข้ากับเนื้อไก่ จากนั้น ใช้พลาสติกแรปปิดอีกรอบ แล้วนำเข้าตู้เย็น หมักทิ้งไว้อีก 30 นาที เมื่อครบเวลา ให้ใช้กระดาษซับเนื้อไก่ให้แห้ง จะช่วยให้ทอดได้กรอบขึ้น
- ผสมแป้งเค้กกับแป้งมันฮ่องกง จากนั้น นำเนื้อไก่มาชุบแป้งให้ทั่ว
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป วอร์มน้ำมันให้ร้อน อยู่ที่ประมาณ 170 องศาเซลเซียส พอน้ำมันร้อนได้ที่แล้ว ให้ใส่เนื้อไก่ลงไปทอด ทอดให้มีสีเหลืองทองใช้เวลา 3 นาที โดยต้องควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ที่ 170 องศาเซลเซียสตลอด (เคล็ดลับ: ค่อย ๆ ทยอยใส่เนื้อไก่ลงไป ไม่ทอดทีเดียวทั้งหมด จะช่วยให้อุณหภูมิคงที่)
- พอครบเวลา ให้ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำมัน ประมาณ 3 นาที จากนั้น เร่งไฟ วอร์มน้ำมันให้ร้อนที่อุณหภูมิ 180 – 190 องศาเซลเซียส แล้วใส่ไก่ลงไปทอดอีกครั้ง ใช้เวลาอีก 1 นาที
- พอครบเวลา ให้ตักขึ้น พักให้สะเด็ดน้ำมัน จัดเสิร์ฟใส่จาน พร้อมเครื่องเคียงตามชอบ เป็นอันเสร็จ
โอโคโนมิยากิ
หากใครได้ไปญี่ปุ่น คงจะเห็นว่า มักจะมีร้านอาหารที่ขายแต่ โอโคโนมิยากิ โดยเฉพาะ ซึ่งเป็นแพนเค้ก หรือ พิซซ่าแบบญี่ปุ่น ที่มีความเฉพาะตัว เป็นอาหารที่แพร่หลายหากินได้ทุกที่ในญี่ปุ่นเลยทีเดียว ซึ่งถ้าไม่อยากบินไป เพื่อกินเมนูนี้แล้วละก็ สามารถทำตามสูตรนี้ได้เลย อร่อย ไม่แพ้คนญี่ปุ่นทำเองแน่นอน
ส่วนผสม
- แป้งสาลีอเนกประสงค์ 100 กรัม
- ไข่ไก่ 2 ฟอง
- น้ำ 100 กรัม
- เบคอน 3 ชิ้น
- เนื้อกุ้ง
- กะหล่ำปลีหั่นฝอย 100 กรัม
- แครอทหั่นฝอย 50 กรัม
- ซอสทงคัตสึ
- มายองเนส
- ปลาอบแห้ง
วิธีทำ
- เตรียมชามผสม ใส่แป้งสาลีน้ำ และไข่ไก่ ตีให้เข้ากัน จนแป้งละลายดี ไม่มีแป้งติดกันเป็นเม็ด
- ใช้มีดหั่นกะหล่ำปลี และ แครอท เป็นฝอย ๆ ใส่ลงในชามผสม จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ตั้งกระทะ (ใช้กระทะก้นแบนกลม) ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อย เคลือบน้ำมันให้ทั่วกระทะ รอจนน้ำมันร้อนได้ที่แล้วใส่แป้งกับผักที่ผสมไว้ลงไป ทอดให้เต็มกระทะ ไม่ควรตักใส่เยอะเกินไป เพราะถ้าหนามาก จะสุกยาก
- วางเบคอนและกุ้ง มาวางเรียงให้ทั่วแผ่นแป้งตามชอบรอจนแป้งด้านล่างสุกแล้วกลับอีกด้านลงไปทอดต่อจนเบคอนและกุ้งสุกทั้งหมด
- ตักพิซซ่าญี่ปุ่นขึ้นใส่จาน โดยนำด้านเบคอนขึ้นจากนั้น ทาด้วยซอสทงคัตสึให้ทั่ว ๆ แล้วบีบซอสมายองเนสลงไปเป็นตารางให้เต็มหน้าพิซซ่า
- ตกแต่งโดยการโรยปลาอบแห้งให้ทั่วแผ่นและ สาหร่ายตามชอบ เป็นอันเสร็จ
ไดฟูกุ
วัตถุดิบ
- แป้งข้าวเหนียว 100 กรัม/ 8 ช้อนโต๊ะ (ได้ประมาณ 3 ลูกหากต้องการเพิ่มให้ใส่แป้งเพิ่ม)
- แป้งมัน 50 กรัม/ 5 ช้อนโต๊ะ
- ไส้ชาเขียวสำเร็จรูป 1 ถ้วย
- น้ำสะอาด 140 กรัม/8ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- นำแป้งมันไปกวนเพื่อให้ตัวแป้งสุก กวนอยู่ตลอดประมาณ 4 – 5 นาที ระวังอย่าให้แป้งไหม้ ถ้าแป้งเริ่มสุกตัวเนื้อแป้งจะเริ่มละเอียดขึ้น
- นำแป้งข้าวเหนียวผสมกับน้ำสะอาดให้เข้ากัน แล้วนำไปกวนให้เข้ากัน สังเกตุได้จากตัวแป้งจะเริ่มหนืดและจับตัวกัน
- พอเสร็จแล้ว ให้นำตัวแป้งมาพักแป้งให้เย็น แล้วคลุกกับแป้งมันเพื่อไม้ให้ตัวแป้งติดกัน นำไปตัดแบ่งให้เป็นส่วน ๆ (แป้งที่ติดจานล้างออกยากมากก แนะนำให้แช่น้ำทิ้งไว้แล้วค่อยมาล้างหรือไม่ก็หาวิธีล้างต่าง ๆ เช่นแช่พวกเบคกิ้งโซดา+มะนาว อะไรพวกนี้ดู)
- นำชาเขียวไปปั้นให้เป็นกลมๆหรือรูปทรงที่ต้องการ แล้วนำแป้งที่ตัดรีด ๆ ให้แบนแล้วนำไปห่อชาเขียวเท่านี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย (น้องไดฟุกุของเรากลมดุ๊กดิ๊กมาก ฮ่า ๆ )
- ขั้นตอนนี้ใครจะทำหรือกินเลยก็ได้ นำไดฟุกุไปเข้าตัวแม่พิมพ์ แล้วโรยด้วยผงชาเขียว หน้าตาดูน่ารับประทานขึ้นมาทันที!
โมจิ
ส่วนผสมไส้ถั่วแดง
- ถั่วแดงต้มสุก 300 กรัม
- น้ำตาลทราย 270 กรัม
- เกลือ 1/4 ช้อนชา
- น้ำมันรำข้าว 60 กรัม
ส่วนผสมแป้งโมจิ
- แป้งข้าวเหนียว 225 กรัม
- น้ําตาลไอซิ่ง 120 กรัม
- น้ำ 250 กรัม
- นมสดจืด 125 กรัม
- เกลือ 1/2 ช้อนชา
- กลิ่นนมเนย 1 ช้อนชา
วิธีทำไส้ถั่วแดง
- ต้มถั่วแดงให้สุก โดยนำถั่วแดงดิบมาล้างน้ำทำความสะอาด จากนั้น ต้มน้ำให้เดือด ใส่ถั่วแดงดิบลงไปในหม้อ พอน้ำเดือด ให้ปิดแก็ส ปิดฝา แช่ถั่วแดงในน้ำร้อนประมาณ 3 ชั่วโมง พอครบเวลา ให้เปิดไฟ ต้มให้น้ำเดือดอีกรอบ ใช้เวลา 10 – 15 นาที คอยตักชิมดู ถ้าถั่วแดงสุกแล้ว เป็นอันใช้ได้ ให้ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำ
- เตรียมโถปั่น ใส่ถั่วแดงต้มสุก น้ำตาลทราย 270 กรัม เกลือ 1/4 ช้อนชา น้ำมันรำข้าว 60 กรัม เสร็จแล้ว ปั่นส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน จนเนื้อละเอียด (ถ้ารู้สึกแห้งเกินไป ให้เติมน้ำลงไปเล็กน้อยได้)
- เทไส้ถั่วแดงลงในกระทะ จากนั้น ตั้งไฟ ใช้ไฟกลางค่อนไฟอ่อน ค่อย ๆ กวน จนเนื้อไส้ถั่วแดง ไม่ติดมือ ไม่ติดกระทะ ให้ตักขึ้นพักไว้
- ตักแบ่งไส้ถั่วแดง มาปั้นเป็นก้อนกลมเตรียมไว้ สำหรับใส่ไส้โมจิ
วิธีทำแป้งโมจิ
- ตั้งกระทะ ใส่แป้งข้าวเหนียว 5 ช้อนโต๊ะ จากนั้น นำขึ้นตั้งไฟ คั่วด้วยไฟอ่อน 5-10 นาที พอครบเวลาแล้ว ให้ปิดไฟ ตักขึ้นพักให้เย็น
- เตรียมกระทะใบใหม่ ใส่น้ำตาลไอซิ่ง 120 กรัม น้ำ 250 กรัม นมสดจืด 125 กรัม เกลือ 1/2 ช้อนชา กลิ่นนมเนย 1 ช้อนชา คนให้เข้ากัน จนน้ำตาลไอซิ่งละลายจนหมด จากนั้น ใส่แป้งข้าวเหนียวที่เหลือลงไป คนจนแป้งละลายดี ไม่ติดกันเป็นก้อน
- พอแป้งข้าวเหนียวละลายเข้ากันหมดแล้ว ให้เปิดแก็ส ใช้ไฟอ่อน แล้วคอยกวนแป้งให้เข้ากันตลอดเวลา ใช้เวลา 4-5 นาที จนแป้งติดกันเป็นก้อน ร่อนออกจากกระทะได้ ไม่ติดกระทะ เสร็จแล้ว ให้พักทิ้งไว้ให้เย็น
- เตรียมถาดสำหรับทำขนม เทแป้งข้าวเหนียวที่คั่วไว้ลงไป จากนั้น นำก้อนแป้งข้าวเหนียวมาคลุกให้ทั่ว แล้วตัดแบ่งออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามต้องการ
- แผ่แป้งแต่ละชิ้นออก เพื่อเตรียมใส่ไส้ไว้ด้านใน นำไส้ถั่วแดงที่ปั้นเป็นก้อนกลม วางลงตรงกลาง แล้วค่อย ๆ ใช้มือจับเนื้อแป้งห่อเข้าหากัน เสร็จแล้ว ใช้มือคลึงให้กลม ทำอย่างนี้จนหมด เป็นอันเสร็จ
โดรายากิ
ขนมญี่ปุ่น ยอดฮิต ที่คนไทยรู้จักกันดี จากการ์ตูน เรื่อง โดราเอมอน โดยขนมนี้ ถือเป็นเมนูอาหารญี่ปุ่น และ เป็นของหวานที่นิยมกันมาก ๆ ซึ่งถ้าหากใครอยากกินรสชาติแบบดั้งเดิมแล้วละก็ แนะนำให้ทำ โดรายากิไส้ถั่วแดงกวน เลย นอกจากจะทำกินเองได้ที่บ้าน ยังสามารถให้เด็ก ๆ นำไปทานที่โรงเรียนได้อีกด้วย
ส่วนผสม
- ไข่ไก่
- น้ำตาลทราย
- น้ำผึ้ง
- ผงฟู
- น้ำเปล่า
- แป้งเค้ก
- เนยสด
- ถั่วแดงกวนสำเร็จรูป
- นมสด
วิธีทำ
- ตอกไข่ไก่ 2 ฟอง ใส่ภาชนะหลังจากนั้นเทน้ำตาล นำผึ้ง ลงไปแล้วตีให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือจนเนียนเข้ากัน จะเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองอ่อน ๆ
- นำน้ำเปล่าผสมกับผงฟู ½ ช้อนชา คนให้เข้าแล้วนำไปผสมกับไข่ที่เราตีเตรียมไว้
- ทำการร่อนแป้งเค้กลงไปผสมกับไข่ แล้วคนจนกว่าจะเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นปิดด้วยที่แร็ปพักไว้สัก 30 นาที
- เตรียมการตั้งกระทะให้ร้อน จากนั้นทาด้วยเนื้อสด ตักแป้งที่ผสมไว้ มาหยอดลงที่กระทะ ทิ้งไว้ด้านละ 20 วินาที หรือดูว่าแป้งมีสีเป็นสีน้ำตาลรึยัง พอได้ตามที่ต้องการก็ตักขึ้นจากกระทะละพักไว้
- ตักถั่วแดงกวนสำเร็จรูป มาวางไว้ที่กลางแผ่นแป้ง จากนั้น นำแป้งอีกแผ่นมาประกบ พร้อมเสิร์ฟ
เมนูอาหารญี่ปุ่น เป็นอาหารที่อร่อย ถูกปากของคนไทยอยู่แล้ว ยิ่งใครได้ไปญี่ปุ่นแล้วกลับมาอยู่ไทย ก็คงจะมีที่คิดถึงรสชาติของอาหารกันอยู่บ้าง หากไม่อยากซื้อหารับประทาน เพราะมีราคาแพงแล้วละก็ ลองทำตาม 15 สูตร เมนูอาหารญี่ปุ่นที่ SGE นำมาฝากกันได้ รับรองว่า อร่อยทุกเมนู ไม่ต้องบินไปถึงญี่ปุ่น ก็อร่อยฟินไม่แพ้กัน
Leave A Comment