10 สูตร อาหารอีสาน พื้นบ้าน อร่อยเผ็ดแซ่บนัว สไตล์คนอีสานแท้ ๆ
อาหารอีสาน แท้ ๆ ใครพอรู้จักบ้าง เพราะคนเมืองอย่างเรา อาจจะคุ้นเคยแค่ ส้มตำ น้ำตก ลาบหมู แต่ถ้าเป็นคนอีสานบ้านเฮา แล้วละก็ จะรู้เลยว่า เมนูสองสามอย่างนี้ แค่น้ำจิ้มเท่านั้น ยังมีอาหารเปิบพิสดารอีกมากมาย ที่แซ่บนัวยิ่งกว่า โดยบางเมนู ก็ยังต้องใช้วัตถุดิบที่หาได้จากธรรมชาติเท่านั้น ถึงจะทำได้
ใครอยากเข้าถึงอาหารอีสานแท้ ๆ แบบพื้นบ้าน พร้อมให้คนในครอบครัวได้ลิ้มรสแบบต้นตำรับ SGE ขอพาทุกคนมาดู 10 สูตรอาหารอีสาน รสเด็ด ที่พอทำออกมาให้ทุกคนทานแล้ว รับรองว่า จะต้องร้องออกมาคำเดียวเลยว่า แซ่บอีหลีส้มตำไทย
มาเริ่มกันที่เมนูเบสิกอย่าง ส้มตำไทย ที่ใคร ๆ ก็ต้องเคยกิน ด้วยวัตถุดิบที่กินง่ายไม่ว่า จะเป็นมะละกอ แครอท มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว บวกด้วยถั่วคั่ว และ กุ้งแห้ง ที่คอยเพิ่มรสสัมผัสความกรุบกรอบ และความเปรี้ยวของน้ำส้มตำที่เปรี้ยวจี๊ด แซ่บถึงใจ ทำให้เป็น อาหารอีสาน เมนูแรกที่ใคร ๆ ก็นึกถึง
ส่วนผสม
- มะละกอดิบ 1 ลูก
- มะเขือเทศสีดา 5 ลูก
- แครอท (ขูดเป็นเส้นยาว)
- ถั่วฝักยาว
- พริกขี้หนูแดง 5 เม็ด
- กระเทียมกลีบเล็ก 5 กลีบ
- กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
- ถั่วลิสงคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย
วิธีทำ
- ปอกเปลือกมะละกอแล้วจึงสับมะละกอ เสร็จแล้วฝานเป็นเส้นยาว พักไว้ก่อน
- ตำพริก กระเทียม ให้พอแหลก แล้วจึงเด็ดถั่วฝักยาวเป็นท่อนตามลงไป ตำให้เข้ากันดี
- หั่นมะเขือเทศใส่ลงไปในครก ปรุงรสด้วยน้ำปลา,น้ำตาลปี๊บ,น้ำมะนาว
- คลุกเคล้าให้ทั่วกัน จนกว่าน้ำตาลปี๊บจะละลายจนหมด
- เติมมะละกอ แครอท ตามลงไป ตำทุกอย่างให้เข้ากัน สุดท้ายเติมกุ้งแห้ง ถั่วลิสงคั่ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ
ลาบหมู
เป็นอีกหนึ่งเมนู อาหารอีสาน ที่ทานง่ายถูกปากคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งด้วยรสชาติที่เผ็ด แซ่บถึงใจ และรสสัมผัสของหมูสับ และ หนังหมู ที่กินแล้วหนุบหนับ เคี้ยวเพลินอยู่ในปาก ทำให้ ลาบหมู เป็นเมนูยอดฮิตของใครหลายคน
ส่วนผสม
- หมูสับ 300 g
- หนังหมู 150 g
- ตับหมู 100 g
- พริกขี้หนูสวน 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงซอย 1/2 ถ้วย
- พริกทอด 15 เม็ด
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- ต้นหอม ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง 1/2 ถ้วย
- ผักสด ใบสะระแหน่ โหระพา ถั่วฝักยาว
วิธีทำ
- ต้มน้ำให้เดือด นำหนังหมูมาลวกให้นิ่ม เมื่อเริ่มนิ่มแล้วให้ตักขึ้นได้เลย
- ลวกตับหมูให้สุก แล้วตักขึ้นพักไว้
- เทน้ำเดือดออก จนเหลือเล็กน้อย แล้วใส่หมูสับลงไป คั่วจนกว่าหมูสับจะสุก
- เมื่อหมูสุก ให้ใส่หนังหมู ตับ พริกป่น น้ำปลา น้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่หอมแดง ข้าวคั่ว ปรุงรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม ได้ตามใจชอบ
- ใส่ต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่ง ลงไปคลุกเคล้า แล้วเติมพริกขี้หนูสวนลงไป
- จัดใส่จาน เติมพริกขี้หนู พริกทอดลงไป เป็นอันเสร็จ
น้ำตกหมู
อีกหนึ่งเมนูหมู ที่เป็น อาหารอีสาน ยอดนิยม แม้จะมีลักษณะคล้าย ลาบหมู แต่ด้วยเนื้อของหมูที่ชิ้นใหญ่กว่า ให้รสสัมผัสที่เต็มลิ้นเต็มคำกว่า ทำให้บางคนก็นิยมสั่งน้ำตกหมูมากินกับข้าวเหนียวด้วยเช่นกัน
ส่วนผสม
- สันคอหมู 500 กรัม
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวสาร 1 ½ ถ้วย
- ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย
- ใบกรูด 10 ใบ
- หอมแดง
- ผักชีฝรั่ง
- ต้นหอม
- ใบสะระแหน่
- น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 3 ลูก
- พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงชูรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- นำส้อมมาจิ้มสันคอมหมูให้ทั่ว ๆ ทั้ง 2 ด้าน
- เตรียมชามผสมอาหาร ใส่สันคอหมูลงไป ตามด้วยน้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ นวดให้เข้าเนื้อ แล้วหมักทิ้งไว้ 15 นาที
- สับผักชีฝรั่ง ต้นหอม ใบสะระแหน่ หอมแดง
- ตั้งกระทะ ใส่ข้าวสาร 1 ½ ถ้วย ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย ใบกรูด 10 ใบ คั่วในกระทะ จนข้าวสารมีมีเหลืองนวล สมุนไพรแห้งกรอบ แล้วนำไปใส่เครื่องปั่น ปั่นจนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะละเอียด
- นำสันคอหมูที่หมักไว้ มาปิ้งไฟจนสุก แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้น
- ใส่น้ำลงในหม้อให้พอขลุกขลิก รอน้ำเดือด แล้วใส่เนื้อหมูลงไป รวนให้สุกอีกครั้ง แล้วปิดเตา
- ใส่น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำมะนาว 3 ลูก พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ ผงชูรส 1/2 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
- ใส่หอมแดง ผักชีฝรั่ง ต้นหอม ใบสะระแหน่ ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง เป็นอันเสร็จ
ตำซั่ว
เพราะ อาหารอีสาน ประเภท ตำ ไม่ได้ใช้แค่มะละกอ เป็นวัตถุดิบหลักเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้วัตถุดิบอื่น ๆ มาใช้ได้เช่นเดียวกัน ดังเช่น ตำซั่ว นี้ ที่ใช้เส้นขนมจีนมาตำเข้ากับส่วนผสมอื่น ทำให้อร่อย อิ่มได้ ในจานเดียว หรือจะกินคู่กับข้าว ด้วยก็ได้ น่าลองทำทาน ทาขายสุด ๆ
ส่วนผสม
- มะละกอ
- แครอท
- กุ้งแห้ง
- ถั่วฝักยาว
- เมล็ดกระถิน
- น้ำปลาร้าปรุง
- มะเขือเทศ ลูกเล็ก ใหญ่
- กุ้งแห้ง
- กระเทียม
- พริกแห้ง
- พริกแดงสด
- มะนาวสด
- น้ำตาลปิ๊บ
- น้ำปลา
- น้ำมะขามเปียก
- ขนมจีน
- ผักชีฝรั่ง
วิธีทำยำขนมจีน
- เตรียมครกกับสาก ใส่กระเทียม 5 เม็ด พริกแห้ง 5 เม็ด พริกแดงสด 3 เม็ด ตำให้พอแหลก
- ใส่มะเขือเทศ ลูก เล็ก ใหญ่ มะนาวสด บีบน้ำมะนาวออกแล้ว ใส่เปลือกลงไป
- ตามด้วย น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ แครอทสับ มะละกอสับ ถั่วฝักยาว
- ใส่น้ำมะขามเปียก 1 กระบวย น้ำปลาร้าปรุงสำเร็จ 1 กระบวย แล้วโขลกส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ชิมรส แล้วปรุงรสชาติเพิ่มตามต้องการ
- ใส่เส้นขนมจีน 1 กระจับ ตามด้วยเมล็ดกระถิน ผักชีฝรั่ง โขลกให้เข้ากันอีกครั้ง
- จัดจาน เสิรฟ์พร้อมผัก ตามชอบ
ตำข้าวโพด
แม้จะเป็น ผลไม้ แต่ด้วยความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ และ ข้าวโพดเอง ก็ยังให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต พอเอามาตำแบบอาหารอีสาน ก็ให้รสสัมผัสกรุบกรอบ ไม่ต่างจากมะละกอ แถมยังทำให้อิ่มท้องได้ ไม่ต่างจาก ส้มตำแบบธรรมดา เลยทีเดียว
ส่วนผสม
- ข้าวโพดหวานสุก 1 ลูก
- ข้าวโพดข้าวเหนียว 1 ลูก
- ไข่เค็ม 2 ใบ
- แครอท 1 ลูก
- กระเทียม 4-5 กลีบเล็ก
- พริกสด 7-8 1เม็ด (ปรับลดได้ตามความเผ็ดที่ต้องการ)
วิธีทำ
- ใช้มีดหั่นเนื้อข้าวโพดหวานสุก ข้าวโพดข้าวเหนียวออกเป็นแถว ๆ
- เตรียมครกกับสาก ใส่กระเทียม พริกสด ลงไปตำให้แหลก
- ใส่ถั่วฝักยาว ถั่วคั่ว กุ้งแห้ง โขลกให้ถั่วคั่วแตก
- ปรุงรสด้วย น้ำตาลเคี่ยว 1 กระบวย น้ำมะขามเปียก 1 กระบวย น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3 ลูก
- ใส่มะเขือเทศ 3 ลูก หั่นครึ่ง ตามด้วยแครอทซอย ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดข้าวเหนียว ตำให้เข้ากัน
- ใส่ไข่เค็มลงไป คลุกเคล้าให่เข้ากันอีกครั้ง
ก้อยเนื้อ
มาดูอาหารดิบ ๆ แบบ ก้อย กันบ้าง ซึ่งก็มีการนำเนื้อสัตว์มาใช้ได้หลายชนิด แต่ที่นิยมสุดก็คือ เนื้อวัว โดยก้อยเนื้อสูตรนี้ นอกจากเผ็ดซี้ดแล้ว ยังมีรสเปรี้ยวจี๊ดของมะนาว ซึ่งจะยิ่งทำให้แซ่บยิ่งกว่าเดิม โดยยังมีการนำเครื่องในวัวอย่าง ผ้าขี้ริ้ว มาเป็นส่วนประกอบด้วย ใครชอบกินเนื้อวัว จัดเมนูนี้เลย
ส่วนผสม
- เนื้อวัวสด
- ผ้าขี้ริ้วขาว
- ตับวัว (ไม่กินก็ไม่ต้องใส่)
- พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
- ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
- ผงชูรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
- มะนาว 3 ลูก
- ใบมะกรูด
- ผักชีฝรั่ง
- ต้นหอม
วิธีทำ
- หั่นใบมะกรูด ต้นหอม ให้ละเอียด
- หั่นเนื้อวัว สับให้ละเอียด แล้วใส่ลงหม้อ
- หั่นผ้าขี้ริ้วขาว ออกเป็นเส้น ๆ (ถ้ากินตับก็หั่นตับออกเป็นชิ้น ๆ แล้วใส่ลงไป) ใส่ลงหม้อ
- ใส่พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ (เผ็ดน้อยเผ็ดมาก ลดได้เพิ่มได้ตามความต้องการ) ตามด้วยข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ ผงชูรส 1/2 ช้อนโต๊ะ คนทั้งหมดให้เข้ากัน
- ใส่น้ำปลาลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำมะนาว 5 ลูก คนให้เข้ากันอีกครั้ง
- ใส่ข้าวคั่ว พริกป่น ลงไปอีกอย่างละ 1 ช้อน
- ใส่ผักชี ต้นหอม คลุกเคล้าเข้าด้วยกัน เป็นอันเสร็จ
ต้มแซ่บกระดูกหมู
มาดูเมนู ต้มแซ่บ กันบ้าง ซึ่งอาหารอีสาน จะมีต้มไหนที่ฮิตเกินกว่า ต้มแซ่บกระดูกหมู ไปไม่ได้ เพราะด้วยความเป็นเนื้อหมูทำให้ใคร ๆ ก็กินง่าย อีกทั้งน้ำแกงที่เผ็ดร้อน แซ่บซี้ดถึงใจ ใครต่อใครจึงต้องสั่งมาซดให้คล่องคออยู่เสมอ
ส่วนผสม
- กระดูกหมูอ่อน 500 กรัม
- ข่าหั่น 5 ชิ้น
- ตะไคร้ 2 ต้น
- ใบมะกรูด 5 ใบ
- หอมแดง 3 หัว
- ผักชีฝรั่ง 2 ต้น
- ต้นหอม 1 ต้น
- พริกขี้หนู 20 เม็ด (คนไม่กินเผ็ด ควรใส่ 5-10 เม็ด)
- มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกแห้งคั่ว 10 เม็ด
- ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- เกลือ 1/2 ช้อนโตีะ
- น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกป่น 1 ช้อนโตีะ (คนไม่กินเผ็ด ควรใส่ 2 ช้อนชา)
วิธีทำ
- ตั้งกระทะหรือหม้อ ใส่น้ำลงในหม้อ ต้มน้ำเดือด แล้วใส่กระดูกหมูอ่อนลงไป
- ระหว่างต้ม เมื่อน้ำเริ่มเดือด จะเกิดฟอง ให้ตักฟองที่ลอยขึ้นมา ออกให้หมด หลังจากนั้น ใส่เกลือและมะขามเปียกลงไป ต้มต่อไป จนกว่ากระดูกหมูอ่อนจะสุก ใช้เวลาประมาณ 1 ขั่วโมง
- เมื่อน้ำงวดเหลือน้อย และกระดูกหมูเริ่มนิ่มลง ให้เติมน้ำเปล่าลงไปจนท่วมกระดูกหมูอ่อน แล้วใส่ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้ หัวหอมลงไป ต้มจนน้ำเดือดอีกรอบ หลังจากนั้น ให้ปิดเตาพักไว้
- เตรียมเครื่องปรุงรสน้ำต้มแซ่บ โดยนำชามใบใหญ่มา แล้วใส่พริกแห้งคั่ว พริกขี้หนูทุบ น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมะนาวและข้าวคั่วลงไป คนให้เข้ากัน
- ตักกระดูกหมูอ่อนและน้ำต้มกระดูกอ่อน มาใส่ชาม
- ใส่พริกป่น ผักชีฝรั่ง ต้นหอม หั่นลงไป คนให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ
แกงผักหวานไข่มดแดง
เป็นอีกหนึ่ง อาหารอีสาน ที่เป็นเอกลักษณ์สุด ๆ ซึ่งวัตถุดิบอย่าง ไข่มดแดง นั้น อาจจะหายากสักหน่อย เพราะว่ามาตามฤดูกาล แต่ถ้าได้ลองทำทานเองแล้วละก็ รับรองว่าจะติดใจ ด้วยมีรสชาติหวานมัน กินแล้วอร่อยสุด ๆ
ส่วนผสม
- ผักหวาน 2 กำ
- ไข่มดแดง 100 กรัม
- เห็ด 100 กรัม
- น้ำปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ผงปรุงรส 1/3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 800 มิลลิลิตร
- พริกแห้ง 1 หยิบมือ หรือ ตามชอบ
- พริกแดงจินดา 3 เม็ด
- กระเทียมไทย 2 หัว
- หอมแดง 7-8 หัว
- กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ตะไคร้ 1 หัว
วิธีทำ
- ทำเครื่องแกง โดยเตรียมครกกับสาก หั่นตะไคร้เป็นแว่น ๆ ใส่ครก ตามด้วยกระเทียมไทย 2 หัว หอมแดง 7-8 หัว พริกแดงจินดา 3 เม็ด กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ แล้วใช้สากตำจนให้พอแหลก
- ตั้งกระทะ ใส่น้ำ 800 มิลลิลิตร เปิดไฟแรง เมื่อน้ำเริ่มเดือด ให้ตักใส่เครื่องแกงทั้งหมดลงไป แล้วใส่น้ำเพื่อล้างครก เอาส่วนผสมที่ติดครกอยู่ลงไปในกระทะให้หมด
- ใส่เห็ด 100 กรัม ถ้าน้ำเริ่มเดือดมาก ให้ปรับเป็นไฟกลาง ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ
- ใส่ผักหวาน 1 กำ ลงไป แล้วใส่ผงปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
- ใส่น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ ตามด้วยไข่มดแดง 100 กรัม ต้มต่อสักพัก ปิดเตา เป็นอันเสร็จ
แกงเปรอะหน่อไม้
แกงเปรอะหน่อไม้ หรือที่เรียกกันว่า ซุปหน่อไม้ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่แนะนำเลย เพราะว่ามีน้ำซุปเข้มข้น และเต็มไปด้วยผักที่ประโยชน์อย่าง หน่อไม้ เห็ด และใบแมงลัก หรือผักอีตู่ ซึ่งด้วยน้ำปลาร้าต้มสุกที่เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำซุป จะทำให้แซ่บนัว อร่อยถึงใจแน่นอน
ส่วนผสม
- หน่อไม้สด 1 หัว
- น้ำย่านาง 500 มิลลิลิตร
- เห็ดฟาง 100 กรัม
- ตะไคร้หั่น 2 ต้นเล็ก
- หอมแดง 7 หัว
- พริกสด 15-20 เม็ด
- ข้าวเบื่อ (ข้าวสารแช่น้ำ)1 ช้อน
- ชะอม 1 ถ้วย
- ใบมะกรูด 5 ใบ
- ใบแมงลัก (ผักอีตู่) 1 ถ้วย
- น้ำปลาร้าต้มสุก 5 ช้อนโต๊ะ
- ผงชูรส 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
- โขลกเครื่องแกง เตรียมครกกับสากมา แล้วตำส่วนผสมทีละอย่าง เริ่มจากตะไคร้หั่น พริกสด หอมแดง ข้าวเบื่อ โดยตำทุกอย่างให้พอแหลก เป็นชิ้น ๆ และตำให้เข้ากัน
- นำหน่อไม้สดมาแกะเปลือกออก หั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วนำมาต้มเป็นเวลา 10 นาที
- ใส่น้ำย่านางลงในหม้อ เคี่ยวให้เดือด จากนั้น นำหน่อไม้สดมาใส่ ต้มต่ออีก 5-8 นาที จนกว่าจะเดือด
- ใส่น้ำปลาร้าต้มสุก 5 ช้อนโต๊ะ ต้มต่ออีก 5 นาที
- ใส่เครื่องแกงลงไป ต้มต่ออีก 1-2 นาที แล้วใส่เห็ดฟางลงไป
- ชิมรสชาติ ใส่น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยผงปรุงรสอีก 1 ช้อนชา ต้มต่อจนเดือด
- ใส่ใบมะกรูด ชะอม คนให้เข้ากัน ต้มต่อ 10-15 วินาที แล้วใส่ใบแมงลัก (ผักอีตู่) ปิดท้าย ต้มต่ออีกสักพัก ปิดเตาเป็นอันเสร็จ
หมกฮวด
มาปิดท้ายด้วย อาหารเปิบพิสดาร ที่คนใจกล้าเท่านั้นถึงจะกินได้ กับเมนู หมกฮวก ที่ใช้ลูกอ๊อด หรือในภาษาอีสานเรียกว่า ฮวก มาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งก็จับมาแบบเป็นตัว ๆ มาทำกันเลยทีเดียว ซึ่งแม้จะดูอี๋ในตอนแรก แต่พอทำเสร็จออกมาแล้ว หน้าตาน่ากินเลยทีเดียว ใครสนใจอยากลองอะไรใหม่ ๆ แนะนำให้ทำทานเลย
ส่วนผสม
- ลูกอ๊อด
- กระเทียม 2 กลีบ
- หอมแดง 1/2 หัว
- พริกแดงจินดา 4 เม็ด
- พริกสด
- หัวตะไคร้ทุบ 4-5 หัว
- กระชาย
- ต้นหอม
- ใบแมงลัก (ผักอีตู่) 1 กำ
- ผักชีลาว 1 กำ
- น้ำปลาร้า 1 กระบวย
- เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำปลา 1 ช้อนชา
- ผงชูรส 1 ช้อนชา
วิธีทำ
- เตรียมครกกับสาก ใส่กระเทียม พริกแดงจินดา หอมแดง เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ ลงในครก ใช้สากตำจนพอแหลก
- เตรียมชามผสมอาหาร ใส่ลูกอ๊อด ส่วนผสมที่ตำไว้ น้ำปลาร้า 1 กระบวย น้ำปลา 1 ช้อนชา ผงชูรส 1 ช้อนชา คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน
- ใส่ผักชีลาว ใบแมงลัก (ผักอีตู่) กระชาย หัวตะไคร้ทุบ คนทั้งหมดให้เข้ากัน
- เตรียมใบตองมาห่อให้เรียบร้อย นำเข้าเตาอบ ตั้งอุณหภูมิที่ 250 องศาเซลเซียส อบเป็นเวลา 15 นาที เป็นอันเสร็จ