fbpx
  • อีสาน

 10 สูตร อาหารอีสาน พื้นบ้าน อร่อยเผ็ดแซ่บนัว สไตล์คนอีสานแท้ ๆ

อาหารอีสาน แท้ ๆ ใครพอรู้จักบ้าง เพราะคนเมืองอย่างเรา อาจจะคุ้นเคยแค่ ส้มตำ น้ำตก ลาบหมู แต่ถ้าเป็นคนอีสานบ้านเฮา แล้วละก็ จะรู้เลยว่า เมนูสองสามอย่างนี้ แค่น้ำจิ้มเท่านั้น ยังมีอาหารเปิบพิสดารอีกมากมาย ที่แซ่บนัวยิ่งกว่า โดยบางเมนู ก็ยังต้องใช้วัตถุดิบที่หาได้จากธรรมชาติเท่านั้น ถึงจะทำได้

ใครอยากเข้าถึงอาหารอีสานแท้ ๆ แบบพื้นบ้าน พร้อมให้คนในครอบครัวได้ลิ้มรสแบบต้นตำรับ SGE ขอพาทุกคนมาดู 10 สูตรอาหารอีสาน รสเด็ด ที่พอทำออกมาให้ทุกคนทานแล้ว รับรองว่า จะต้องร้องออกมาคำเดียวเลยว่า แซ่บอีหลี

ส้มตำไทย

อาหารอีสาน

มาเริ่มกันที่เมนูเบสิกอย่าง ส้มตำไทย ที่ใคร ๆ ก็ต้องเคยกิน ด้วยวัตถุดิบที่กินง่ายไม่ว่า จะเป็นมะละกอ แครอท มะเขือเทศ ถั่วฝักยาว บวกด้วยถั่วคั่ว และ กุ้งแห้ง ที่คอยเพิ่มรสสัมผัสความกรุบกรอบ และความเปรี้ยวของน้ำส้มตำที่เปรี้ยวจี๊ด แซ่บถึงใจ ทำให้เป็น อาหารอีสาน เมนูแรกที่ใคร ๆ ก็นึกถึง

ส่วนผสม

  • มะละกอดิบ 1 ลูก
  • มะเขือเทศสีดา 5 ลูก
  • แครอท (ขูดเป็นเส้นยาว)
  • ถั่วฝักยาว
  • พริกขี้หนูแดง 5 เม็ด
  • กระเทียมกลีบเล็ก 5 กลีบ
  • กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
  • ถั่วลิสงคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ถ้วย

วิธีทำ

  1. ปอกเปลือกมะละกอแล้วจึงสับมะละกอ เสร็จแล้วฝานเป็นเส้นยาว พักไว้ก่อน
  2. ตำพริก กระเทียม ให้พอแหลก แล้วจึงเด็ดถั่วฝักยาวเป็นท่อนตามลงไป ตำให้เข้ากันดี
  3. หั่นมะเขือเทศใส่ลงไปในครก ปรุงรสด้วยน้ำปลา,น้ำตาลปี๊บ,น้ำมะนาว
  4. คลุกเคล้าให้ทั่วกัน จนกว่าน้ำตาลปี๊บจะละลายจนหมด
  5. เติมมะละกอ แครอท ตามลงไป ตำทุกอย่างให้เข้ากัน สุดท้ายเติมกุ้งแห้ง ถั่วลิสงคั่ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ ส้มตำไทย เพิ่มเติมคลิก

Sponsored (โฆษณา)

ลาบหมู

อาหารอีสาน

เป็นอีกหนึ่งเมนู อาหารอีสาน ที่ทานง่ายถูกปากคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งด้วยรสชาติที่เผ็ด แซ่บถึงใจ และรสสัมผัสของหมูสับ และ หนังหมู ที่กินแล้วหนุบหนับ เคี้ยวเพลินอยู่ในปาก ทำให้ ลาบหมู เป็นเมนูยอดฮิตของใครหลายคน

ส่วนผสม

  • หมูสับ 300 g
  • หนังหมู 150 g
  • ตับหมู 100 g
  • พริกขี้หนูสวน 2 ช้อนโต๊ะ
  • หอมแดงซอย 1/2 ถ้วย
  • พริกทอด 15 เม็ด
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกป่น 1 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • ต้นหอม ผักชีไทย ผักชีฝรั่ง 1/2 ถ้วย
  • ผักสด ใบสะระแหน่ โหระพา ถั่วฝักยาว

วิธีทำ

  1. ต้มน้ำให้เดือด นำหนังหมูมาลวกให้นิ่ม เมื่อเริ่มนิ่มแล้วให้ตักขึ้นได้เลย
  2. ลวกตับหมูให้สุก แล้วตักขึ้นพักไว้
  3. เทน้ำเดือดออก จนเหลือเล็กน้อย แล้วใส่หมูสับลงไป คั่วจนกว่าหมูสับจะสุก
  4. เมื่อหมูสุก ให้ใส่หนังหมู ตับ พริกป่น น้ำปลา น้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
  5. ใส่หอมแดง ข้าวคั่ว ปรุงรสเผ็ด เปรี้ยว เค็ม ได้ตามใจชอบ
  6. ใส่ต้นหอม ผักชี ผักชีฝรั่ง ลงไปคลุกเคล้า แล้วเติมพริกขี้หนูสวนลงไป
  7. จัดใส่จาน เติมพริกขี้หนู พริกทอดลงไป เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ ลาบหมู เพิ่มเติมคลิก

Sponsored (โฆษณา)

น้ำตกหมู

อีสาน

อีกหนึ่งเมนูหมู ที่เป็น อาหารอีสาน ยอดนิยม แม้จะมีลักษณะคล้าย ลาบหมู แต่ด้วยเนื้อของหมูที่ชิ้นใหญ่กว่า ให้รสสัมผัสที่เต็มลิ้นเต็มคำกว่า ทำให้บางคนก็นิยมสั่งน้ำตกหมูมากินกับข้าวเหนียวด้วยเช่นกัน

ส่วนผสม 

  • สันคอหมู 500 กรัม
  • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
  • ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวสาร 1 ½ ถ้วย
  • ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย
  • ใบกรูด 10 ใบ
  • หอมแดง
  • ผักชีฝรั่ง
  • ต้นหอม
  • ใบสะระแหน่
  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 3 ลูก
  • พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผงชูรส 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. นำส้อมมาจิ้มสันคอมหมูให้ทั่ว ๆ ทั้ง 2 ด้าน
  2. เตรียมชามผสมอาหาร ใส่สันคอหมูลงไป ตามด้วยน้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ ซอสปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ นวดให้เข้าเนื้อ แล้วหมักทิ้งไว้ 15 นาที
  3. สับผักชีฝรั่ง ต้นหอม ใบสะระแหน่ หอมแดง
  4. ตั้งกระทะ ใส่ข้าวสาร 1 ½ ถ้วย ตะไคร้ซอย 1/2 ถ้วย ใบกรูด 10 ใบ คั่วในกระทะ จนข้าวสารมีมีเหลืองนวล สมุนไพรแห้งกรอบ แล้วนำไปใส่เครื่องปั่น ปั่นจนกว่าส่วนผสมทั้งหมดจะละเอียด
  5. นำสันคอหมูที่หมักไว้ มาปิ้งไฟจนสุก แล้วนำมาหั่นเป็นชิ้น
  6. ใส่น้ำลงในหม้อให้พอขลุกขลิก รอน้ำเดือด แล้วใส่เนื้อหมูลงไป รวนให้สุกอีกครั้ง แล้วปิดเตา
  7. ใส่น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ ใส่น้ำมะนาว 3 ลูก พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ ผงชูรส 1/2 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน
  8. ใส่หอมแดง ผักชีฝรั่ง ต้นหอม ใบสะระแหน่ ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ น้ำตกหมู เพิ่มเติมคลิก

Sponsored (โฆษณา)

ตำซั่ว

อีสาน

เพราะ อาหารอีสาน ประเภท ตำ ไม่ได้ใช้แค่มะละกอ เป็นวัตถุดิบหลักเพียงอย่างเดียว แต่ยังสามารถใช้วัตถุดิบอื่น ๆ มาใช้ได้เช่นเดียวกัน ดังเช่น ตำซั่ว นี้ ที่ใช้เส้นขนมจีนมาตำเข้ากับส่วนผสมอื่น ทำให้อร่อย อิ่มได้ ในจานเดียว หรือจะกินคู่กับข้าว ด้วยก็ได้ น่าลองทำทาน ทาขายสุด ๆ

ส่วนผสม

  • มะละกอ
  • แครอท
  • กุ้งแห้ง
  • ถั่วฝักยาว
  • เมล็ดกระถิน
  • น้ำปลาร้าปรุง
  • มะเขือเทศ ลูกเล็ก ใหญ่
  • กุ้งแห้ง
  • กระเทียม
  • พริกแห้ง
  • พริกแดงสด
  • มะนาวสด
  • น้ำตาลปิ๊บ
  • น้ำปลา
  • น้ำมะขามเปียก
  • ขนมจีน
  • ผักชีฝรั่ง

วิธีทำยำขนมจีน

  1. เตรียมครกกับสาก ใส่กระเทียม 5 เม็ด พริกแห้ง 5 เม็ด พริกแดงสด 3 เม็ด ตำให้พอแหลก
  2. ใส่มะเขือเทศ ลูก เล็ก ใหญ่ มะนาวสด บีบน้ำมะนาวออกแล้ว ใส่เปลือกลงไป
  3. ตามด้วย น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ แครอทสับ มะละกอสับ ถั่วฝักยาว
  4. ใส่น้ำมะขามเปียก 1 กระบวย น้ำปลาร้าปรุงสำเร็จ 1 กระบวย แล้วโขลกส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน ชิมรส แล้วปรุงรสชาติเพิ่มตามต้องการ
  5. ใส่เส้นขนมจีน 1 กระจับ ตามด้วยเมล็ดกระถิน ผักชีฝรั่ง โขลกให้เข้ากันอีกครั้ง
  6. จัดจาน เสิรฟ์พร้อมผัก ตามชอบ

ดูวิธีการทำ ตำซั่ว เพิ่มเติมคลิก

Sponsored (โฆษณา)

ตำข้าวโพด

อาหารอีสาน

แม้จะเป็น ผลไม้ แต่ด้วยความหวานอันเป็นเอกลักษณ์ และ ข้าวโพดเอง ก็ยังให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต พอเอามาตำแบบอาหารอีสาน ก็ให้รสสัมผัสกรุบกรอบ ไม่ต่างจากมะละกอ แถมยังทำให้อิ่มท้องได้ ไม่ต่างจาก ส้มตำแบบธรรมดา เลยทีเดียว

ส่วนผสม

  • ข้าวโพดหวานสุก 1 ลูก
  • ข้าวโพดข้าวเหนียว 1 ลูก
  • ไข่เค็ม 2 ใบ
  • แครอท 1 ลูก
  • กระเทียม 4-5 กลีบเล็ก
  • พริกสด 7-8 1เม็ด (ปรับลดได้ตามความเผ็ดที่ต้องการ)

วิธีทำ

  1. ใช้มีดหั่นเนื้อข้าวโพดหวานสุก ข้าวโพดข้าวเหนียวออกเป็นแถว ๆ
  2. เตรียมครกกับสาก ใส่กระเทียม พริกสด ลงไปตำให้แหลก
  3. ใส่ถั่วฝักยาว ถั่วคั่ว กุ้งแห้ง โขลกให้ถั่วคั่วแตก
  4. ปรุงรสด้วย น้ำตาลเคี่ยว 1 กระบวย น้ำมะขามเปียก 1 กระบวย น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 3 ลูก
  5. ใส่มะเขือเทศ 3 ลูก หั่นครึ่ง ตามด้วยแครอทซอย ข้าวโพดหวาน ข้าวโพดข้าวเหนียว ตำให้เข้ากัน
  6. ใส่ไข่เค็มลงไป คลุกเคล้าให่เข้ากันอีกครั้ง

ดูวิธีการทำ ตำข้าวโพด เพิ่มเติมคลิก

ก้อยเนื้อ

อีสาน

มาดูอาหารดิบ ๆ แบบ ก้อย กันบ้าง ซึ่งก็มีการนำเนื้อสัตว์มาใช้ได้หลายชนิด แต่ที่นิยมสุดก็คือ เนื้อวัว โดยก้อยเนื้อสูตรนี้ นอกจากเผ็ดซี้ดแล้ว ยังมีรสเปรี้ยวจี๊ดของมะนาว ซึ่งจะยิ่งทำให้แซ่บยิ่งกว่าเดิม โดยยังมีการนำเครื่องในวัวอย่าง ผ้าขี้ริ้ว มาเป็นส่วนประกอบด้วย ใครชอบกินเนื้อวัว จัดเมนูนี้เลย

ส่วนผสม

  • เนื้อวัวสด
  • ผ้าขี้ริ้วขาว
  • ตับวัว (ไม่กินก็ไม่ต้องใส่)
  • พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ
  • ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ
  • ผงชูรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • มะนาว 3 ลูก
  • ใบมะกรูด
  • ผักชีฝรั่ง
  • ต้นหอม

วิธีทำ

  1. หั่นใบมะกรูด ต้นหอม ให้ละเอียด
  2. หั่นเนื้อวัว สับให้ละเอียด แล้วใส่ลงหม้อ
  3. หั่นผ้าขี้ริ้วขาว ออกเป็นเส้น ๆ (ถ้ากินตับก็หั่นตับออกเป็นชิ้น ๆ แล้วใส่ลงไป) ใส่ลงหม้อ
  4. ใส่พริกป่น 2 ช้อนโต๊ะ (เผ็ดน้อยเผ็ดมาก ลดได้เพิ่มได้ตามความต้องการ) ตามด้วยข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ ผงชูรส 1/2 ช้อนโต๊ะ คนทั้งหมดให้เข้ากัน
  5. ใส่น้ำปลาลงไป 2 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยน้ำมะนาว 5 ลูก คนให้เข้ากันอีกครั้ง
  6. ใส่ข้าวคั่ว พริกป่น ลงไปอีกอย่างละ 1 ช้อน
  7. ใส่ผักชี ต้นหอม คลุกเคล้าเข้าด้วยกัน เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ ก้อยเนื้อ เพิ่มเติมคลิก

Sponsored (โฆษณา)

ต้มแซ่บกระดูกหมู

อีสาน

มาดูเมนู ต้มแซ่บ กันบ้าง ซึ่งอาหารอีสาน จะมีต้มไหนที่ฮิตเกินกว่า ต้มแซ่บกระดูกหมู ไปไม่ได้ เพราะด้วยความเป็นเนื้อหมูทำให้ใคร ๆ ก็กินง่าย อีกทั้งน้ำแกงที่เผ็ดร้อน แซ่บซี้ดถึงใจ ใครต่อใครจึงต้องสั่งมาซดให้คล่องคออยู่เสมอ

ส่วนผสม

  • กระดูกหมูอ่อน 500 กรัม
  • ข่าหั่น 5 ชิ้น
  • ตะไคร้ 2 ต้น
  • ใบมะกรูด 5 ใบ
  • หอมแดง 3 หัว
  • ผักชีฝรั่ง 2 ต้น
  • ต้นหอม 1 ต้น
  • พริกขี้หนู 20 เม็ด (คนไม่กินเผ็ด ควรใส่ 5-10 เม็ด)
  • มะขามเปียก 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกแห้งคั่ว 10 เม็ด
  • ข้าวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือ 1/2  ช้อนโตีะ
  • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
  • พริกป่น 1 ช้อนโตีะ (คนไม่กินเผ็ด ควรใส่ 2 ช้อนชา)

วิธีทำ

  1. ตั้งกระทะหรือหม้อ ใส่น้ำลงในหม้อ ต้มน้ำเดือด แล้วใส่กระดูกหมูอ่อนลงไป
  2. ระหว่างต้ม เมื่อน้ำเริ่มเดือด จะเกิดฟอง ให้ตักฟองที่ลอยขึ้นมา ออกให้หมด หลังจากนั้น ใส่เกลือและมะขามเปียกลงไป ต้มต่อไป จนกว่ากระดูกหมูอ่อนจะสุก ใช้เวลาประมาณ 1 ขั่วโมง
  3. เมื่อน้ำงวดเหลือน้อย และกระดูกหมูเริ่มนิ่มลง ให้เติมน้ำเปล่าลงไปจนท่วมกระดูกหมูอ่อน แล้วใส่ใบมะกรูด ข่า ตะไคร้ หัวหอมลงไป ต้มจนน้ำเดือดอีกรอบ หลังจากนั้น ให้ปิดเตาพักไว้
  4. เตรียมเครื่องปรุงรสน้ำต้มแซ่บ โดยนำชามใบใหญ่มา แล้วใส่พริกแห้งคั่ว พริกขี้หนูทุบ น้ำตาลทราย น้ำปลา น้ำมะนาวและข้าวคั่วลงไป คนให้เข้ากัน
  5. ตักกระดูกหมูอ่อนและน้ำต้มกระดูกอ่อน มาใส่ชาม
  6. ใส่พริกป่น ผักชีฝรั่ง ต้นหอม หั่นลงไป คนให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ ต้มแซ่บกระดูกหมู เพิ่มเติมคลิก

Sponsored (โฆษณา)

แกงผักหวานไข่มดแดง

อาหารอีสาน

เป็นอีกหนึ่ง อาหารอีสาน ที่เป็นเอกลักษณ์สุด ๆ ซึ่งวัตถุดิบอย่าง ไข่มดแดง นั้น อาจจะหายากสักหน่อย เพราะว่ามาตามฤดูกาล แต่ถ้าได้ลองทำทานเองแล้วละก็ รับรองว่าจะติดใจ ด้วยมีรสชาติหวานมัน กินแล้วอร่อยสุด ๆ

ส่วนผสม

  • ผักหวาน 2 กำ
  • ไข่มดแดง 100 กรัม
  • เห็ด 100 กรัม
  • น้ำปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ผงปรุงรส 1/3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 800 มิลลิลิตร
  • พริกแห้ง 1 หยิบมือ หรือ ตามชอบ
  • พริกแดงจินดา 3 เม็ด
  • กระเทียมไทย 2 หัว
  • หอมแดง 7-8 หัว
  • กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ตะไคร้ 1 หัว

วิธีทำ

  1. ทำเครื่องแกง โดยเตรียมครกกับสาก หั่นตะไคร้เป็นแว่น ๆ ใส่ครก ตามด้วยกระเทียมไทย 2 หัว หอมแดง 7-8 หัว พริกแดงจินดา 3 เม็ด กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ แล้วใช้สากตำจนให้พอแหลก
  2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำ 800 มิลลิลิตร เปิดไฟแรง เมื่อน้ำเริ่มเดือด ให้ตักใส่เครื่องแกงทั้งหมดลงไป แล้วใส่น้ำเพื่อล้างครก เอาส่วนผสมที่ติดครกอยู่ลงไปในกระทะให้หมด
  3. ใส่เห็ด 100 กรัม ถ้าน้ำเริ่มเดือดมาก ให้ปรับเป็นไฟกลาง ปรุงรสด้วยน้ำปลาร้า 3 ช้อนโต๊ะ
  4. ใส่ผักหวาน 1 กำ ลงไป แล้วใส่ผงปรุงรส 1/2 ช้อนโต๊ะ
  5. ใส่น้ำปลา 1 ½ ช้อนโต๊ะ ตามด้วยไข่มดแดง 100 กรัม ต้มต่อสักพัก ปิดเตา เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ แกงผักหวานไข่มดแดง เพิ่มเติมคลิก

Sponsored (โฆษณา)

แกงเปรอะหน่อไม้

อีสาน

แกงเปรอะหน่อไม้ หรือที่เรียกกันว่า ซุปหน่อไม้ เป็นอีกหนึ่งเมนูที่แนะนำเลย เพราะว่ามีน้ำซุปเข้มข้น และเต็มไปด้วยผักที่ประโยชน์อย่าง หน่อไม้ เห็ด และใบแมงลัก หรือผักอีตู่ ซึ่งด้วยน้ำปลาร้าต้มสุกที่เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำซุป จะทำให้แซ่บนัว อร่อยถึงใจแน่นอน

ส่วนผสม

  • หน่อไม้สด 1 หัว
  • น้ำย่านาง 500 มิลลิลิตร
  • เห็ดฟาง 100 กรัม
  • ตะไคร้หั่น 2 ต้นเล็ก
  • หอมแดง 7 หัว
  • พริกสด 15-20 เม็ด
  • ข้าวเบื่อ (ข้าวสารแช่น้ำ)1 ช้อน
  • ชะอม 1 ถ้วย
  • ใบมะกรูด 5 ใบ
  • ใบแมงลัก (ผักอีตู่) 1 ถ้วย
  • น้ำปลาร้าต้มสุก 5 ช้อนโต๊ะ
  • ผงชูรส 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. โขลกเครื่องแกง เตรียมครกกับสากมา แล้วตำส่วนผสมทีละอย่าง เริ่มจากตะไคร้หั่น พริกสด หอมแดง ข้าวเบื่อ โดยตำทุกอย่างให้พอแหลก เป็นชิ้น ๆ และตำให้เข้ากัน
  2. นำหน่อไม้สดมาแกะเปลือกออก หั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วนำมาต้มเป็นเวลา 10 นาที
  3. ใส่น้ำย่านางลงในหม้อ เคี่ยวให้เดือด จากนั้น นำหน่อไม้สดมาใส่ ต้มต่ออีก 5-8 นาที จนกว่าจะเดือด
  4. ใส่น้ำปลาร้าต้มสุก 5 ช้อนโต๊ะ ต้มต่ออีก 5 นาที
  5. ใส่เครื่องแกงลงไป ต้มต่ออีก 1-2 นาที แล้วใส่เห็ดฟางลงไป
  6. ชิมรสชาติ ใส่น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยผงปรุงรสอีก 1 ช้อนชา ต้มต่อจนเดือด
  7. ใส่ใบมะกรูด ชะอม คนให้เข้ากัน ต้มต่อ 10-15 วินาที แล้วใส่ใบแมงลัก (ผักอีตู่) ปิดท้าย ต้มต่ออีกสักพัก ปิดเตาเป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ แกงเปรอะหน่อไม้ เพิ่มเติมคลิก

Sponsored (โฆษณา)

หมกฮวด

อาหารอีสาน

มาปิดท้ายด้วย อาหารเปิบพิสดาร ที่คนใจกล้าเท่านั้นถึงจะกินได้ กับเมนู หมกฮวก ที่ใช้ลูกอ๊อด หรือในภาษาอีสานเรียกว่า ฮวก มาใช้เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งก็จับมาแบบเป็นตัว ๆ มาทำกันเลยทีเดียว ซึ่งแม้จะดูอี๋ในตอนแรก แต่พอทำเสร็จออกมาแล้ว หน้าตาน่ากินเลยทีเดียว ใครสนใจอยากลองอะไรใหม่ ๆ แนะนำให้ทำทานเลย

ส่วนผสม

  • ลูกอ๊อด
  • กระเทียม 2 กลีบ
  • หอมแดง 1/2 หัว
  • พริกแดงจินดา 4 เม็ด
  • พริกสด
  • หัวตะไคร้ทุบ 4-5 หัว
  • กระชาย
  • ต้นหอม
  • ใบแมงลัก (ผักอีตู่) 1 กำ
  • ผักชีลาว 1 กำ
  • น้ำปลาร้า 1 กระบวย
  • เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนชา
  • ผงชูรส 1 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. เตรียมครกกับสาก ใส่กระเทียม พริกแดงจินดา หอมแดง เกลือ 1/2 ช้อนโต๊ะ ลงในครก ใช้สากตำจนพอแหลก
  2. เตรียมชามผสมอาหาร ใส่ลูกอ๊อด ส่วนผสมที่ตำไว้ น้ำปลาร้า 1 กระบวย น้ำปลา 1 ช้อนชา ผงชูรส 1 ช้อนชา คลุกเคล้าส่วนผสมให้เข้ากัน
  3. ใส่ผักชีลาว ใบแมงลัก (ผักอีตู่) กระชาย หัวตะไคร้ทุบ คนทั้งหมดให้เข้ากัน
  4. เตรียมใบตองมาห่อให้เรียบร้อย นำเข้าเตาอบ ตั้งอุณหภูมิที่ 250 องศาเซลเซียส อบเป็นเวลา 15 นาที เป็นอันเสร็จ

ดูวิธีการทำ หมกฮวก เพิ่มเติมคลิก

เป็นไงกันบ้างกับ 10 อาหารอีสาน ที่นำมาฝากกัน บางเมนูก็กินบ่อย บางเมนูเคยเห็นแต่ไม่กล้าสั่งกิน เพราะไม่รู้ว่าหน้าตาและรสชาติจะเป็นยังไง และบางเมนูก็เปิบพิสดาร จนไม่กล้ากินเลยใช่มั้ยล่ะ แต่นี่และก็คือ เสน่ห์ของอาหารพื้นบ้าน ที่คนเมืองอย่างเราคาดไม่ถึง หากถูกใจเมนูไหนก็ลองนำไปทานดู แต่เมนูไหนยังไม่แน่ใจ ลองซื้อกินจากร้านมาทานดูก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
2023-10-24T15:35:49+07:00

About the Author:

Content Writer ผู้ชอบกินข้าวผัดหมู เป็นชีวิตจิตใจ