10 พืชสมุนไพร สรรพคุณมากมาย เก็บกินก็ได้ เก็บขายก็ดี
พืชสมุนไพร ยอดฮิตที่สามารถปลูกง่าย ๆ ในบ้าน มีอะไรบ้าง สรรพคุณเป็นอย่างไร สามารถนำมาประกอบอาหารอะไรได้บ้าง SGE มีมาแนะนำ รับรองประโยชน์เพียบ ปลูกง่าย ๆ ที่บ้านได้แน่นอน
สารบัญ
กระเทียม
เป็นวัตถุดิบหลักในการทำอาหาร แทบจะทุกจาน ทุกสัญชาติเลยก็ว่าได้ การปลูกไว้ในบ้าน จึงทำให้คุณสามารถนำมาประกอบอาหารได้ง่าย เมื่อทานแล้วก็ยังดีต่อสุขภาพ ช่วยในการบำรุงผิวหนัง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคมะเร็ง ฯลฯ
วิธีการปลูก : เลือกเฉพาะกลีบใหญ่ มาแกะกลีบกระเทียมออก จากนั้น นำกลีบกระเทียมไปแช่น้ำไว้ 1 คืน แล้วนำมาปักลงในดิน ลึกประมาณ 1 นิ้ว โดยหันโคนกลีบลงดิน เสร็จแล้ว กลบด้วยฟางข้าวเพื่อช่วยรักษาความชุ่มชื้น และป้องกันแสงแดด แล้วรดน้ำ 3 ครั้งต่อ 1 วัน หลังจากครบ 100 วัน ให้หยุดรดน้ำ เพื่อให้กระเทียมออกดอกได้เต็มที่
กระชาย
กระชาย มีรสชาติที่เผ็ดร้อน ทำให้มักนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารไทย เช่น เมนูผัดขี้เมา เมนูผัดฉ่า โดยชนิดของกระชายที่นิยมนำมาใช้กันคือ กระชายเหลืองหรือกระชายขาว มีสรรพคุณในการใช้รักษาโรคมากมายไม่ว่าจะเป็น บำรุงเส้นผม บำรุงสมอง ต้านการอักเสบในร่างกาย เสริมสมรรถภาพทางเพศ ฯลฯ โดยจากงานวิจัย ยังพบว่า สารสกัดจากกระชายขาว สามารถทำหน้าที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสต้นเหตุของโควิด-19 และยังสามารถลดจำนวนเซลล์ที่ติดเชื้อจาก 100% ให้ลดลงจนเหลือ 0% จึงเหมาะอย่างยิ่งในการปลูกที่บ้าน สำหรับรับประทานในช่วงที่โควิด-19 ยังระบาดอยู่
วิธีการปลูก : คัดเลือกหัวพันธุ์ที่มีอายุ 7 – 9 เดือน มีตาสมบูรณ์ มาตัดแบ่ง โดยควรมีตาอย่างน้อย 3–5 ตาหรือแง่ง เสร็จแล้ว นำฝังลงดินลึกประมาณ 5 – 10 เซนติเมตร จากนั้น ใช้ฟางคลุม ประมาณ 1–2 เดือน จึงหว่านปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมัก ผ่านไป 8–12 เดือน จึงเริ่มเก็บเกี่ยว
กระท่อม
กระท่อม แต่ก่อนเคยถูกขึ้นทะเบียนว่าเป็น ยาเสพติด แต่เมื่อศึกษาดูดี ๆ แล้วจะพบว่า มันมีคุณสมบัติเป็นยา มากกว่ายาเสพติดให้โทษ เมื่อสามารถใช้ในการรักษาอาการติดเชื้อในลำไส้ ลดความดันโลหิต รักษาโรคเบาหวาน หรือเพิ่มกำลังวังชาให้มีมากขึ้น ดังนั้น ในเมื่อทางกฎหมายอนุญาตให้ปลูกและบริโภคได้เป็นปกติแล้ว ใครอยากจะปลูกกระท่อม เพื่อรับประทานสำหรับบำรุงร่างกาย ก็สามารถทำปลูกเองที่บ้านได้เลย
วิธีการปลูก : ปลูกโดยเพาะเมล็ด หย่อนลงในดินที่รดน้ำจนชุ่ม จากนั้น นำดินปลูก หรือพีทมอสมาโรยทับด้านบนบาง ๆ แล้วรดน้ำให้ชุ่มเปียกอีกครั้ง หุ้มกระบะ หรือกะละมังปลูกด้วยพลาสติกใสไม่ให้อากาศเข้าได้ ปิดทิ้งไว้ไม่ต้องรดน้ำ และวางไว้ในที่ร่ม เป็นเวลาประมาณ 5-7 วัน เมื่อครบกำหนดแล้ว จึงนำออกมารดน้ำเช้า-เย็น เมื่อต้นกล้างอกขึ้นมาได้ระดับหนึ่งแล้ว ให้ย้ายไปปลูกในกระถางต่อไป
ขิง
พืชสมุนไพร ที่สามารถนำมาทำเป็นน้ำดื่มเพื่อสุขภาพ ตลอดจนทำอาหารได้มากมาย ไม่ว่าจะอาหารคาวหรือ ของหวาน เช่น ไก่ผัดขิง เต้าฮวยน้ำขิง บัวลอยน้ำขิง ฯลฯ รับประทานแล้ว จะช่วยรักษาอาการร้อนใน ลดอาการปวดศีรษะ ปวดไมเกรน แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ และลดระดับคอเลสเตอรอลและไขมันในหลอดเลือด ด้วยคุณประโยชน์ทางสุขภาพมากมาย ทำให้ได้รับการยกย่องในวงการแพทย์แผนจีนว่า เป็นยาอายุวัฒนะ
วิธีการปลูก : ใช้เหง้าหรือหัวพันธุ์จากขิงแก่อายุ 10-12 เดือน มาผึ่งลมให้แห้ง แล้วนำมาหั่นเป็นท่อน ๆ ยาวท่อนละ 2 นิ้ว มีตาติดอยู่ 2-3 ตา แล้วนำไปแช่น้ำยาป้องกันโรครากเน่าและเชื้อรา ประมาณ 10 นาที จากนั้น นำไปผึ่งให้แห้งอีกครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเอาไปปลูก สำหรับดินนั้น ให้ใช้ดินร่วนซุย ส่วนสถานที่ที่ปลูก ควรเป็นที่ที่มีกำบัง เพื่อป้องกันแสงแดด ไม่ให้ขิงโดนแดดโดยตรง เพราะรากจะไม่งอกและอาจจะเน่าได้
ข่า
ข่า เป็น พืชสมุนไพร ที่สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลาย เช่น ต้มยำ ต้มข่า แกง ลาบ ผัดเผ็ด พริกแกงต่าง ๆ รวมถึงยังสามารถนำมาเป็นยารักษาโรค ใช้รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลมในลำไส้ แก้ลมพิษ รักษาโรคกลากเกลื้อน ตลอดจนแก้อาการแน่นจุกเสียดตามช่องท้องต่าง ๆ
วิธีการปลูก : ใช้เหง้าแก่ อายุมากกว่า 1 ปี ในการปลูก ปลูกในช่วงต้นฝนหรือในฤดูฝน ดินที่ควรใช้ ควรเป็นดินร่วนซุยที่มีอินทรียวัตถุสูง ดินชุ่มชื้น และไม่มีน้ำท่วมขัง
ขมิ้นชัน
ขมิ้นชัน หรือ ขมิ้น เป็นพืชล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลขิง มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าจะเป็นสีเหลือง สีเหลืองเข้มถึงสีแสดจัด มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ด้วยมีสารสำคัญคือ เคอร์คิวมิน ทำให้ได้รับฉายาว่า Wonders Of Drug ทานแล้ว ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ต้านการอักเสบ ป้องกันและควบคุมการเติบโตของเซลล์มะเร็ง รักษาโรคกรดไหลย้อนและกระเพาะอาหารได้ โดยสามารถประยุกต์ นำมาทำอาหารได้มากมายเช่น แกงกะหรี่ แกงไตปลา ฯลฯ
วิธีการปลูก : ปลูกโดยใช้เหง้าหรือหัวอายุ10-12 เดือน ขึ้นไป ถ้าเป็นเหง้าควรมีความยาวประมาณ 8 – 12 เซนติเมตร หรือ มีตา 6 – 7 ตา ปลูกลงแปลง กลบดินหนาประมาณ 5-10ซม. ขมิ้นจะใช้เวลาในการงอกประมาณ 30-70วัน หลังปลูก ควรรดน้ำทุกวัน และอยู่ในที่แสงแดดส่องถึง เมื่อขมิ้นมีอายุได้ 9 – 10 เดือน จึงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้
ย่านาง
ต้นไม้อีกหนึ่งชนิด ที่สามารถนำมาทำเมนูได้หลากหลาย โดยเฉพาะส่วนใบ ซึ่งนิยมนำมาต้มเป็นน้ำย่านาง เอาไปเป็นส่วนผสมในการทำอาหารเช่น แกงหน่อไม้ แกงเห็ด ต้มเปรอะ แกงขี้เหล็ก แกงขนุน แกงผักอีลอก แกงยอดหวาย แกงอีลอก แกงขี้เหล็ก ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มความอร่อยแล้ว ยังมีสรรพคุณในการบำรุงร่างกาย เช่น ต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ยับยั้งเซลล์มะเร็งท่อน้ำดี ต้านเชื้อมาลาเรีย และช่วยแก้ไข้ได้ทุกชนิด
วิธีการปลูก : เพาะเมล็ด โดยใช้เมล็ดที่แก่เต็มที่ มีลักษณะสีดำ มาตากแห้ง 5-7 วัน ก่อน จากนั้น นำไปหยอดในดิน ในหลุมที่ไม่ต้องลึกมากนัก เนื่องจากปลูกง่ายขึ้นง่าย จึงไม่ต้องดูแลมากนัก ใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน จึงเริ่มเก็บเกี่ยวได้
ผักแพว
ผักพื้นบ้าน ที่พบมากในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยมีรสที่เผ็ดร้อน จึงช่วยให้เจริญอาหาร ขับลมในกระเพาะอาหาร แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ดี นอกจากนี้ ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอกระบวนการแก่ชรา ลดระดับคอลสเตอรอล ลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ และเส้นเลือดในสมองตีบ โดยในด้านการทำอาหาร สามารถใช้ยอดอ่อน ใบ และลำต้นอ่อนมาเป็นเครื่องเคียง ประกอบอาหารประเภทลาบ หลู้ ก้อยกุ้งสด ข้าวยำ ฯลฯ หรือ นำส่วนใบมาใส่แกงประเภทปลา เพื่อช่วยดับกลิ่นของเนื้อสัตว์หรือกลิ่นคาวปลาก็ได้
วิธีการปลูก : นิยมปลูกโดยการปักชำ เริ่มจากพรวนดิน และกำจัดวัชพืชออกให้หมด จากนั้น ค่อยนำลำต้นที่เด็ดไว้มาทำการเร่งราก โดยใช้วิธีนำลำต้นผักแพวที่ตัดมาแช่น้ำ ให้ท่วมลำต้นประมาณ 2 – 3 ข้อ แช่ไว้ประมาณ 3 วัน ลำต้นจะเริ่มแตกรากสีขาวออกบริเวณข้อ หลังจากนั้น จึงนำปลูกลงต้นได้ โดยจะสามารถเริ่มเก็บยอดได้ประมาณเดือนที่ 3 ขึ้นไป ทั้งนี้ ผักแพวเป็นพืชที่ชอบดินที่มีความชื้นสูง ดังนั้นจึงควรหมั่นรดน้ำให้ชุ่มเสมอ
ผักเหลียง
ผักเหลียง เป็นผักพื้นบ้านทางภาคใต้ของไทย มีประโยชนต่อสุขภาพมาก ๆ เมื่อช่วยบำรุงสายตา บำรุงหัวใจ เสริมสร้างกระดูกและป้องกันโรคมะเร็ง โดยสามารถนำมาทำเมนูได้หลากหลาย เช่น ใบเหลียงผัดน้ำมันหอย ใบเหลียงผัดไข่ ใบเหลียงผัดกะปิ จึงเป็นพืชอีกหนึ่งชนิดที่เหมาะกับการปลูกไว้ในบ้าน
วิธีการปลูก : นิยมนำมาปลูก โดยการชำรากหรือใช้ต้นอ่อนที่งอกจากราก มาเพาะพันธุ์ เนื่องจากต้นเหลียงที่เติบโตเต็มที่จะมีระบบรากแข็งแรง และยาว รากเหล่านี้ สามารถแตกหน่อกลายเป็นต้นใหม่ได้ ดังนั้น หากตัดรากมาชำหรือนำรากที่แตกหน่อแล้วมาชำต่อ ก็สามารถแยกปลูกเป็นต้นใหม่ได้ ทั้งนี้ ไม่ควรนำรากลงปลูก แต่ควรชำในถุงเพาะชำก่อน แล้วดูแลให้แตกยอดสูง 20-30 เซนติเมตร ก่อนนำปลูกลงแปลง
ฟ้าทะลายโจร
ถึงแม้ว่า ฟ้าทะลายโจร จะสามารถหาซื้อได้ง่ายในรูปแบบของยาเม็ดแบบแคปซูล อย่างไรก็ตาม ก็เป็น พืชสมุนไพร ชนิดหนึ่งที่ควรมีไว้ติดบ้าน เพราะสามารถนำส่วนใบ มาต้มกับน้ำ เพื่อรักษาโรคต่าง ๆ ได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น ปวดหัว มีไข้ เจ็บคอ กระเพาะอาหารอักเสบ ลำไส้อักเสบ ตลอดจนใช้ในการช่วยต้านเชื้อโควิด-19 ได้ดีอีกด้วย ดังนั้น หากคุณปลูกฟ้าทะลายโจรติดบ้านไว้ ก็จะช่วยลดค่ายารักษาโรคลงได้อย่างแน่นอน
วิธีการปลูก : เพาะเมล็ด โดยใช้เมล็ดแก่ที่มีลักษณะสีดำ หยอดลงในกระถาง เสร็จแล้ว คอยให้ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก และพรวนดินให้ร่วนซุยสม่ำเสมอ หลังจากนั้น เมล็ดจะงอกภายใน 1 – 2 อาทิตย์ สำหรับการเก็บเกี่ยวควรเก็บเกี่ยวในช่วงที่พืชออกดอกนับตั้งแต่เริ่มออกดอกจนถึงดอกบานร้อยละ 50 เพื่อให้มีปริมาณสารสำคัญสูง ซึ่งฟ้าทะลายโจรต้นหนึ่ง จะมีอายุประมาณ 110 – 150 วัน
ส่วนใครที่สนใจอยากปลูก พืชสมุนไพร เพื่อเก็บผลไว้กินที่บ้าน สามารถลองเข้าไปดูกระถางต้นไม้ ของ SGE ได้ เพราะมีหลายแบบให้เลือก ทั้งแบบกระถางผ้า และกระถางต้นไม้ ช่วยให้คุณปลูกพืชสมุนไพรที่บ้านไว้ได้อย่างง่ายดาย ราคาเริ่มต้นที่ 9 บาทเท่านั้น ! สนใจคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sgethai.com/plant-pot/ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง โทรศัพท์ หรือ Line ของเราได้เลย
9 มีนาคม 2022
โดย
Pres
