สะเดา สรรพคุณ พร้อม วิธีปลูกสะเดา ด้วยตัวเองที่บ้าน

สะเดา ผักพื้นบ้าน ประโยชน์เพียบ รู้หรือไม่ว่า ถึงแม้จะมีรสขม แต่กลับส่งผลดีต่อสุขภาพมากมาย สามารถรับประทานเพื่อรักษาโรคได้หลากหลาย ในแบบที่คุณอาจคาดไม่ถึง หากใครอยากรู้ว่า สะเดา มีดีอย่างไร SGE มีความรู้มาฝาก รับรองว่า คุณจะมองพืชชนิดนี้ต่างออกไปจากเดิมแน่นอน

ทำความรู้จัก สะเดา

สะเดา เป็นไม้ยืนต้น เรือนยอดพุ่มกลม สูง 10 – 15 เมตร ลำต้นมีสีน้ำตาลเทาถึงเทาปนดำ ผิวเปลือกของลำต้นมักแตกเป็นร่องเล็ก ๆ ส่วนใบมีสีเขียว ยาวคล้ายรูปหอก ดอกมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ มักมีสีขาวหรือสีเทา ส่วนผลและเมล็ด จะออกเป็นพวงคล้ายกับผลองุ่น รูปร่างกลมรี อวบน้ำ เมื่อผลสุกจะมีสีเหลืองอมเขียว

สามารถเติบโตได้ดีในภูมิอากาศที่ร้อนชื้น และสภาพดินที่มีความแห้งแล้ง ไม่อุดมสมบูรณ์ เช่น ดินเหนียว ดินเหนียวปนทราย จึงจัดว่าเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ง่ายและทนทานต่อสภาพแวดล้อมมากชนิดหนึ่ง ชาวบ้านจึงมักปลูกต้นสะเดาตามแนวรั้ว หรือ คันนา เพื่อให้ร่มเงา ตลอดจนใช้ประโยชน์อื่น ๆ เช่น เก็บดอกและยอดอ่อนมารับประทาน ไปจนถึงนำเนื้อไม้มาใช้ในการก่อสร้าง หรือ ทำเฟอร์นิเจอร์

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

สรรพคุณของ สะเดา ที่มีต่อสุขภาพ

1. แก้ไข้ ตัวร้อน ปวดศีรษะ

ยอดอ่อนและดอกสะเดา สามารถรับประทานเพื่อแก้อาการเป็นไข้ ตัวร้อน ปวดศีรษะ หรือ น้ำมูกไหล ได้ โดยจะจิ้มกินเป็นผักสดคู่กับน้ำพริก หรือ นำใบและดอกไปตากแดดจนแห้ง แล้วค่อยมาต้มกับน้ำ รับประทานก็ได้

2. มีแคลเซียมสูง ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน

ในสะเดา 1 ขีด จะมีแคลเซียมมากถึง 354 มิลลิกรัม ซึ่งถือเป็นผักที่มีแคลเซียมสูงสุดอันดับ 3 เลยทีเดียว จึงมีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุน เหมาะกับผู้สูงอายุ ที่มีความสามารถในการดูดซึมแคลเซียมลดลง และกระดูกเริ่มไม่แข็งแรง

3. ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคมะเร็ง

ผลงานวิจัยบางชิ้น พบว่า ดอกและยอดอ่อน รวมถึงเปลือกและผลของสะเดา มีสารพอลิแซ็กคาไรด์ (Polysaccharides) และสารลิโมนอยด์ (Limonoids) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ เข้าไปช่วยกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ชื่อว่า แมคโครฟาจ (Macrophage) ให้ทำหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็งได้ดีมากขึ้น จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดเนื้องอกและโรคมะเร็งต่าง ๆ

4. ช่วยย่อยอาหาร และขับน้ำดีเข้าสู่ลำไส้มากขึ้น

ถึงแม้ความขม จะทำให้ใครหลายคนไม่ชอบรับประทานสะเดา แต่ความขมของมันนี่และ ที่จะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำดี ช่วยให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารได้ดีขึ้น ขับถ่ายได้ง่าย ที่สำคัญ น้ำดีที่ถูกขับออกมาจะยังเข้าไปช่วยให้เกิดการย่อยอาหารประเภทไขมันได้ดีขึ้น ลดการเกิดไขมันสะสมในร่างกายได้ในอีกทางหนึ่งอีกด้วย

5. แก้ร้อนใน รักษาแผลในช่องปาก

หากนำยอดสะเดา มาลวกกับน้ำร้อน 2-3 น้ำ แล้วมากินกับข้าว จะช่วยแก้อาการร้อนใน และช่วยรักษาแผลในช่องปาก เช่น ปากเปื่อย ริมฝีปากเป็นแผล รวมถึงแก้อาการปากมีกลิ่นเหม็นได้ ส่วนเปลือกสะเดา หากนำมาต้มกับเกลือประมาณ 10-15 นาที แล้วใช้อมวันละ 2-3 ครั้ง จะช่วยรักษาโรครำมะนาด หรือ เหงือกอักเสบได้

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ส่วนไหนของ สะเดา ที่นิยมนำมารับประทาน

คนไทยรู้จักนำดอกและยอดอ่อนของ สะเดา มารับประทานกันนานแล้ว โดยนิยมนำมาทานเป็นผักสด กินคู่กับ ปลาดุกย่าง น้ำพริกปลาย่าง น้ำพริกปลาร้า ลาบเลือดขม แกงอ่อม ต้มขม ต้มส้ม แกงขนุนอ่อน หรือจะนำมาทานคู่กับน้ำปลาหวาน เป็นเมนู สะเดาน้ำปลาหวาน ก็ได้ โดยดอกสะเดา จะออกดอกในช่วงเดือนธันวาคม – มีนาคม ส่วนยอดอ่อน จะออกในช่วงเดือนมีนาคม – เมษายน

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทั้งดอกและยอดอ่อนแบบสด ๆ ของต้นสะเดา มีรสขม ซึ่งจะขมมาก ขมน้อย ก็ขึ้นแล้วแต่ต้น แต่ละสายพันธุ์ที่มีในท้องถิ่น ทำให้หากต้องการลดความขมลง ชาวบ้านจึงมักนำเอาดอกและยอดอ่อนของสะเดา มาห่อใบตอง แล้วนำไปย่างด้วยไฟอ่อน จนกว่าใบตองจะออกสีน้ำตาลไหม้ เพื่อให้น้ำมันของดอกและยอดอ่อนสะเดาระเหยออกมา ทำให้ขมน้อยลง เรียกวิธีการนี้ว่า “สะเดาฟาดไฟ”

อีกวิธีหนึ่งก็คือ การนำไปแช่น้ำข้าวสุก หรือ เรียกกันว่า “ดงข้าว” โดยเมื่อหุงข้าวจนสุกแล้ว จะเทน้ำข้าวร้อน ๆ ออกมาใส่สะเดาที่ใส่ไว้ในกะละมังจนท่วมสะเดา จากนั้น ปล่อยทิ้งไว้ จนกว่าน้ำข้าวจะเย็นลง จึงค่อยหยิบสะเดาออกมารับประทาน จะได้สีสะเดาที่เขียวสวย รสขมน้อยลง รับประทานได้อร่อยมากขึ้น

ทั้งนี้ หากใครต้องการเก็บใบสะเดา ที่ไม่มีรสขมตั้งแต่ต้น จะได้ไม่ต้องนำไปลดความขมในภายหลังให้เสียเวลา ให้เลือกใบสะเดามารับประทาน โดยการสังเกตที่สีของใบ หากสะเดามีรสมัน หรือ ไม่ขม ใบจะเป็นสีเขียวทั้งใบ แต่หากปลายใบและยอด ออกสีแดง แปลว่า มีรสชาติขม ดังนั้น ก่อนเด็ด ให้สังเกตดูให้ดี ก็จะสามารถหลีกเลี่ยงใบที่มีรสขมได้

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

วิธีปลูกต้นสะเดา ด้วยตัวเองที่บ้าน

ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่า สะเดา เป็นพืชที่ปลูกง่าย เพราะสามารถเติบโตได้ดีในภูมิอากาศที่ร้อนชื้น และสภาพดินที่มีความแห้งแล้ง ไม่อุดมสมบูรณ์ เช่น ดินเหนียว ดินเหนียวปนทราย ก็ได้ ดังนั้น หากใครเป็นมือใหม่ไม่ต้องกังวลไป ปลูกได้ด้วยตัวเองแน่นอน ซึ่ง วิธีปลูกต้นสะเดา สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 แบบคือ

1. การปักชำ

การปักชำ เป็นการนำเอาส่วนต่าง ๆ ของต้นหลักอย่าง กิ่ง ใบ และราก แยกมาปลูกในภาชนะใบใหม่ ซึ่งใน วิธีการปลูกสะเดา ให้ทำโดยขุดหน่อที่แตกจากรากต้นสะเดา หรือ ตัดรากที่ขุดจากแม่ไม้สะเดาเป็นท่อน ๆ  ยาวประมาณ 5-10 เซนติเมตร มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 0.3 ถึง 0.5 เซนติเมตร มาชำลงในแปลงเพาะชำ รดน้ำให้ชุ่มประมาณ 1 เดือน เมื่อหน่อแตกออกมาแล้ว จึงให้ย้ายชำลงในถุงพลาสติก ก็จะได้กล้าไม้ที่โตได้ขนาดเพื่อนำไปปลูกในพื้นที่ที่กำหนด

 2. การเพาะเมล็ด

การปลูกสะเดา โดยการเพาะเมล็ด ทำโดยการเพาะเมล็ด เพื่อให้ได้ ต้นกล้า ขึ้นมาก่อน ซึ่งเมล็ดสะเดาไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน  ดังนั้น เมื่อเก็บเมล็ดมาแล้วควรรีบเพาะทันที  เพราะถ้าเก็บไว้นานจะสูญเสียเปอร์เซ็นต์การงอกไปได้ โดยขนาดของต้นกล้าที่เหมาะในการย้ายปลูกต้องมีอายุประมาณ  4-5 เดือน หรือ  สูงประมาณ 20-30 เซนติเมตร แล้วเท่านั้น และ เมื่อจะย้ายต้นกล้าไปปลูกในพื้นที่ที่กำหนด ควรเลือกย้านไปปลูก หลังจากวันที่ฝนตกหนัก โดยระยะห่างระหว่าต้น ควรเว้นระยะปลูก 2 x 4 เมตร หรือ 4 x 4 ก็ได้

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

สะเดา นอกจากสามารถนำดอกและยอดอ่อนมาทานเป็นผักสด จิ้มกับน้ำปลาหวาน กินได้อย่างเอร็ดอร่อยแล้ว มันยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยเฉพาะกับการรักษาโรคมะเร็ง และยังเป็นต้นไม้ใหญ่ที่สามารถให้ร่มเงากับคนในบ้าน หรือ ในไร่นา ได้อีกด้วย ดังนั้น หากใครสนใจอยากปลูกสะเดาแล้วละก็ ลองทำตาม วิธีปลูกต้นสะเดา ที่เรานำมาแนะนำ รับรองว่า โตได้โตดี รอเด็ดดอกและยอดอ่อนมารับประทานกันได้เรื่อย ๆ ได้อย่างแน่นอน

ซึ่งถ้าหากใครอยากปลูกโดยการเพาะเมล็ด เพื่อให้ได้ต้นกล้าขึ้นมาก่อน แล้วอยากได้กระถางที่ช่วยให้ต้นกล้าเติบโตได้ดี แนะนำให้ใช้ กระถางผ้า ของ SGE ผลิตจากผ้าใยชนิดพิเศษ ใช้งานทนทาน ช่วยให้อากาศถ่ายเทเข้า-ออกได้ดี ดินมีความชุ่มชื้น ช่วยเร่งรากและทำให้ต้นกล้าเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สนใจคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/plant-pot/

Pres: Content Writer ผู้ชอบกินข้าวผัดหมู เป็นชีวิตจิตใจ