12,393 Views

คัดลอกลิงก์

อบเชย สรรพคุณ ประโยชน์ ที่ไม่เชยเหมือนชื่อ

อบเชย หรือที่เรียกกันว่า ซินนามอน ในภาษาอังกฤษ เป็นเครื่องเทศที่คนไทยรู้จักกันดี ด้วยกลิ่นหอมไม่เหมือนใคร และมีรสหวานอมเผ็ดแบบสัมผัสได้ที่ปลายลิ้น ทำให้ถูกนำมาแต่งกลิ่น เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับอาหารมากมาย ทั้งอาหารคาว เช่น พะโล้ มัสมั่น ผงกะหรี่ และอาหารหวาน อย่าง ขนมเค้ก คุกกี้ รวมถึงเครื่องดื่มบางชนิด วันนี้ SGE จะชวนทุกคนมาทำความรู้จักกับ อบเชย ให้มากขึ้น ทั้งข้อมูลทั่วไปของอบเชย ที่มากว่าจะถึงก้นครัว รวมถึงสรรพคุณและประโยชน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้

ข้อมูลทั่วไปของ อบเชย

อบเชย สรรพคุณ ประโยชน์มากมาย-2021-1

อบเชย ที่เราเห็นและใช้กันนั้น นำมาจากส่วนที่เป็นเปลือกของพืชในสกุล Cinnamomum ในวงศ์ Lauraceae ทำให้บางคนเรียกมันอีกอย่างว่า ซินนามอน โดยต้นอบเชยนั้น เป็นไม้ยืนต้น สภาพธรรมชาติทรงพุ่มอาจสูงตั้งแต่ 10-15 เมตร เส้นผ่าศูนย์กลางลำต้นประมาณ 30-50 เซนติเมตร แต่หากเป็นอบเชยที่ถูกปลูก เพื่อเน้นการเอาเปลือกลำต้น และเปลือกกิ่งมาใช้งาน จะมีการตัดแต่งกิ่งเพื่อเพิ่มจำนวนกิ่งต่อลำต้นให้มากขึ้น จึงมักจะสูงไม่เกิน 2 – 2.5 เมตร มักขึ้นอยู่ในพื้นที่อากาศร้อนชื้น ดินร่วนซุยระบายน้ำดี มีอินทรียวัตถุสูง ไม่เป็นทรายจัด เชื่อกันว่า มีถิ่นกำเนิดอยู่ในตะวันออกกลาง ก่อนจะถูกนำไปปลูกตามพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก โดยอบเชยส่วนใหญ่นั้น ในปัจจุบัน ถูกผลิตและส่งออกจาก จีน อินโดนีเซีย เวียดนามและศรีลังกามากที่สุด ซึ่งในปี 2019 อินโนนีเซีย และ จีน สามารถผลิตอบเชยส่งออก รวมกันคิดเป็น 70% ของโลกเลยทีเดียว ในขณะที่ประเทศไทย พบมากที่จังหวัดกาญจนบุรีและพิษณุโลก ส่วนใหญ่แปรรูปเป็นอบเชยบดหรือป่น เพื่อส่งออก โดยมีประเทศคู่ค้าหลักคือ สหรัฐอเมริกา

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

กระถางผ้า กระถางผ้าปลูกต้นไม้
กระถางผ้า กระถางผ้าปลูกต้นไม้

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

อบเชยในห้องครัว มาอย่างไร

อบเชย สรรพคุณ ประโยชน์มากมาย-2021-2

กว่าจะมาเป็นอบเชยที่ใช้กันในห้องครัว และเป็นเครื่องเทศใช้ปรุงรสและแต่งกลิ่นในอาหาร เกษตรกรจะเก็บเกี่ยวอบเชย โดยการลอกเปลือก ด้วยการนำกิ่งที่ตัดมา ขูดผิวเปลือกออก แล้วนวดเปลือก เพื่อให้เปลือกลอกออกจากส่วนของเนื้อไม้ได้ง่าย และเกิดกลิ่นหอม จากนั้น ใช้มีดควั่นรอบกิ่งเป็นช่วง ๆ ทั้งด้านบนและด้านล่าง แล้วใช้ปลายมีดกรีดอีกที ตามความยาวจากรอยควั่นด้านบนมาด้านล่าง ขั้นตอนต่อมา ใช้มีดปลายมนค่อย ๆ แซะเปลือกให้หลุดจากเนื้อไม้ จะได้เปลือกขนาดสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 ชิ้น ทำเช่นนี้จนกว่าจะหมด โดยหากในการลอกแต่ละครั้ง มีเศษของเปลือกซึ่งไม่สามารถลอกให้เป็นแผ่นได้ เช่น ตามรอยข้อของกิ่งหรือปุ่มปม ให้บรรจุอยู่ในเปลือกที่ลอกได้อีกครั้ง ทั้งนี้ ในการตัดกิ่งแต่ละครั้งควรลอกให้เสร็จสิ้นภายในวันเดียว ถ้าทิ้งข้ามวันจะทำให้ลอกเปลือกยาก

จากนั้น นำมาบ่มและม้วนเป็นแท่ง โดยนำเปลือกที่ลอกได้แล้ว มามัดเป็นกำ ๆ ห่อด้วยกระสอบป่านเพื่อเก็บความชื้นและทิ้งไว้ในร่ม 1 คืน เพื่อบ่มให้เปลือกเกิดการเหี่ยวและหดตัว นำเปลือกที่เป็นแผ่นสมบูรณ์เรียงซ้อนเกยต่อ ๆ กัน โดยใช้ปลายเล็กซ้อนปลายใหญ่ และใช้เศษเปลือกที่ลอกได้ชิ้นเล็ก ๆ บรรจุภายในเปลือกเรียงต่อกันไป จนได้ความยาวแท่งประมาณ 42 นิ้ว ใช้มือคลึงม้วนให้เป็นแท่งตรง แล้วนำไปผึ่งในที่ร่ม ที่มีอากาศระบายดี ระหว่างนั้น ควรหมั่นนำมานวดคลึงและกดให้แน่นทุกวันจนแห้ง ใช้เวลาประมาณ 5 วัน อบเชยก็จะแห้งสนิท หลังจากนั้น ให้นำแท่งอบเชยนี้ไปตากแดดอีก 1 วัน แล้วใช้กระสอบป่านคลุม เพื่อป้องกันความร้อนที่อาจมีผลต่อน้ำมันหอมระเหยได้ ก็จะได้อบเชยออกมาอย่างที่เห็นกัน โดยจะต้องเป็นสีน้ำตาลอ่อนหรือสีสนิม มีความตรงและยาวอย่างสม่ำเสมอ ถึงจะเป็นอบเชยที่ดี

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

เครื่องซีลสูญญากาศ จาก SGE การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

สรรพคุณของอบเชย

อบเชย สรรพคุณ ประโยชน์มากมาย-2021-3

1. ช่วยรักษาโรคเบาหวาน

ในต้นอบเชย มีสารโพลีฟีนอล จำนวนมาก ซึ่งส่งผลดีต่อระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้ในทางแพทย์แผนจีนใช้ในการบำบัดและรักษาโรคเบาหวาน ซึ่งจากการศึกษาในหนูทดลองของประเทศจีน พบว่าอบเชยสามารถเพิ่มคอเลสเตอรอลชนิดดี (HDL) และลดระดับไตรีกลีเซอไรด์ในเลือดได้ และจากการศึกษาในผู้ป่วยเบาหวานพบว่า อบเชย นอกจากจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดแล้วยังช่วยปรับระดับไขมันในเลือดให้ดีขึ้นได้ โดยลดระดับคอเลสเตอรอลรวม คอเลสเตอรอลชนิดเลว และไตรกลีเซอไรด์

อย่างไรก็ตาม ในทางการแพทย์ปัจจุบัน แม้มีงานศึกษาวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า การรับประทานอบเชย หรือ สารสกัดจากอบเชยอาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานประเภทที่ 2 และผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานได้ แต่เนื่องจากงานศึกษายังไม่เพียงพอ ทำให้อาจต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอีกว่า อบเชยจะสามารถรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวานในระยะยาวได้หรือไม่ และมีความเสี่ยงมากน้อยขนาดไหน หากกินอย่างต่อเนื่อง

2. ลดระดับไขมันในเลือด ป้องกันเซลล์สมองฝ่อ

อบเชย ถูกใช้ในการแพทย์แผนจีนอย่างแพร่หลาย ทำให้มีการศึกษาค้นคว้าและวิจัยถึงสรรพคุณของมันอยู่ตลอด ในปีค.ศ.2005 นักวิทยาศาสตร์จีน พบว่า อบเชยสามารถช่วยลดไขมันในเลือด ได้ถึง 94% และยังสามารถนำมาใช้รักษาและป้องกันการเกิดลิ่มเลือดและเซลล์สมองฝ่อได้ นอกจากนี้ ยังช่วยสลายลิ่มเลือด ขยายหยอดเลือด การไหลเวียนของเลือด และลดไขมันกับความหนืดของเลือดได้ดีขึ้น รักษาการขาดแคลนโลหิตที่มาหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงถึง 89% และลดการเกิดลิ่มเลือดที่เกิดจากไขมันในเลือดสูงได้ถึง 80% ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ.2007 ก็ได้สรุปผลการทดลองว่า อบเชยนั้นสามารถนำมาใช้เป็นตัวยาในการรักษาโรคความดันสูง โรคไขมันในเลือดสูง และโรคทางประสาทได้

3. ช่วยรักษาอาการอักเสบทางผิวหนังหรืออวัยวะภายในได้

เนื่องจากในอบเชย มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoids)  เช่น กอสไซปิน (Gossypin) เฮสเพอริดิน (Hesperidin) เควอซิทิน (Quercetin) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบได้ รวมถึงยังมีงานทดลอง ที่พบว่า สารไฮดรอกซีซินนามาลดีไฮด์ (Hydroxycinnamaldehyde) ที่สกัดจากอบเชย อาจมีประสิทธิภาพในการรักษาหรือป้องกันการอักเสบจากโรคทางระบบประสาท และอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกมะเร็งได้ อบเชย จึงอาจมีคุณสมบัติ ช่วยรักษาอาการอักเสบทางผิวหนังหรืออวัยวะภายในได้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นการทดลองแค่เซลล์ในมนุษย์ ยังไม่มีการศึกษาทดลองในมนุษย์จริง ๆ  จึงยังไม่มีหลักฐานเพียงพอ ถึงประสิทธิภาพในด้านดังกล่าว จึงควรรอผลการศึกษาทดลองเพิ่มเติมต่อไป

4. แก้อาการปวดกระเพาะอาหารและกระเพาะลำไส้ได้

น้ำมันระเหยในเปลือกของต้นอบเชย โดยเฉพาะต้นอบเชยจีน นอกจากให้กลิ่นหอม ยังมีความสามารถในการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย Helicobactor pyroli ซึ่งเชื่อว่าเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์กระตุ้นกระเพาะลำไส้ให้มีการบีบตัวแรงขึ้น เพิ่มน้ำย่อย ช่วยขับลมและคลายการหดเกร็งของกล้ามเนื้อเรียบในกระเพาะลำไส้ จึงสามารถช่วยแก้อาการปวดกระเพาะและลำไส้ได้

ประโยชน์ของ อบเชย

อบเชย สรรพคุณ ประโยชน์มากมาย-2021-4

1. ใช้ทำอาหารและเบเกอรี่

ด้วยมีกลิ่นหอม อบเชย จึงถูกนำมาแต่งกลิ่นและเป็นเครื่องเทศในอาหารมากมาย ใช้ในรูปแบบทั้งที่เป็นก้าน บดเป็นผง หรือนำไปทำเป็นน้ำตาลกลิ่นอบเชย โดยก่อนใช้ต้องคั่วหรือเผาก่อน จึงจะมีกลิ่นหอม อาหารคาวในประเทศไทยที่มีอบเชยเป็นส่วนผสม เช่น มัสมั่นเนื้อ, พะโล้หมูใส่เต้าหู้, เนื้อตุ๋น, ไก่ตุ๋นยาจีน, ก๋วยเตี๊ยวไก่ตุ๋น ในอาหารหวานเช่น เค้ก คุกกี้ ขนมปัง โดยที่มีชื่อเสียงที่สุด ที่มีอบเชยเป็นส่วนประกอบก็คือ ซินนามอนโรล เชื่อกันว่า คิดค้นโดยชาวสวีเดน นิยมมากในทวีปอเมริกาเหนือและยุโรป ทำโดยการนวดแป้ง แล้วแผ่ออกเป็นแผ่นบาง โรยส่วนผสมระหว่างอบเชยและน้ำตาล (และลูกเกดหรือองุ่นสับในบางกรณี) ลงไป แล้วม้วนให้เป็นก้อนกลมแนวยาว ตัดเป็นท่อน ๆ แล้วนำไปอบ โรยด้วยน้ำตาลครีมหรือทอปปิ้งอื่น

2. ช่วยบำรุงสุขภาพและรักษาโรค

นอกจากนำไปใช้ประกอบอาหาร อบเชย ยังช่วยบำรุงสุขภาพและรักษาโรคได้มากมาย เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ไรคไขมันในเลือดสูง และโรคประสาท และยังมีฤทธิ์ช่วยลดคอลเลสเตอรอลในหลอดเลือด ลดอาการอักเสบทางผิวหนังและอวัยวะภายใน รวมถึงแก้กระเพาะอาหารและกระเพาะลำไส้อักเสบได้อีกด้วย

3. มีความสำคัญในฐานะ พืชเศรษฐกิจ

ด้วยคุณประโยชน์ทั้งด้านการใช้ทำอาหารและเบเกอรี่ รวมถึงรักษาโรคต่าง ๆ ได้มากมาย ทำให้ อบเชยกลายเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดหนึ่ง ที่สำคัญต่อประเทศที่สามารถเพาะปลูกได้ เช่น อินโดนีเซีย จีน เวียดนาม ศรีลังกา รวมถึงไทย โดย 4 ประเทศข้างต้นนั้น ในปี 2017 สามารถส่งออกอบเชย คิดเป็นมวลรวมกว่า 99% จากประเทศทั้งหมด มีอินโดนีเซียส่งออกทั้งหมด 87,130 ตัน เป็นอันดับ 1 จีน ส่งออก 79,486 เป็นอันดับ 2 ตามมาด้วย เวียนามและศรีลังกา ตามลำดับ ซึ่งต่อมาในปี 2019 อินโนนีเซีย และ จีน สามารถผลิตอบเชยส่งออก รวมกันคิดเป็น 70% ของโลกเลยทีเดียว แสดงถึงความสำคัญของ อบเชย ในฐานะพืชเศรษฐกิจที่สำคัญได้อย่างแท้จริง

อบเชย จึงไม่ได้มีประโยชน์ในฐานะวัตถุดิบและส่วนประกอบในอาหารคาวและอาหารหวานของคนทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังเป็นพืชสมุนไพรและพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่ช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยีทางการแพทย์ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจของคนทั่วโลก ให้ยังคงก้าวหน้าต่อไป หากได้เห็นอบเชยกันคราวหน้า ก็หวังว่าจะได้เห็นแง่มุมที่มากกว่า ความมีกลิ่นหอมและรสชาติที่หวานปนเผ็ดของมัน กันบ้างนะครับ


27 August 2021

โดย

Pres

ความคิดเห็น (Comments)

Leave A Comment