เครื่องซีลสูญญากาศ

เปรียบเทียบการ ซีลสูญญากาศ และ ไม่สูญญากาศ ของข้าวโพดตากแห้ง ที่เก็บไว้นาน 3 ปี ต่างกันอย่างไร?

เมล็ดข้าวโพดตากแห้งทั้ง 2 ตัวอย่าง ถูกเก็บเกี่ยวและตากแห้งในเวลาเดียวกัน เมื่อวันที่ 17/09/2011

ตัวอย่างข้าวโพดด้านซ้าย ถูกเก็บโดยการซีลสุญญากาศ และเก็บไว้บนชั้นวางของ เมื่อทำการแกะถุงซีลออกมาในวันเดียวกับที่ถ่ายรูปตัวอย่างด้านบน (30/01/2015) ข้าวโพดมีกลิ่นหอม สดใหม่ สีเหลืองทองสดใส รสชาติยังคงเดิมเหมือนเพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่ ๆ

ตัวอย่างข้าวโพดด้านขวาข้าวโพดถูกเก็บไว้ในขวดโหลธรรมดา และเก็บไว้บนชั้นวางของเช่นเดียวกัน และเปิดฝาเพื่อนำออกมาใช้งาน ในวันเดียวกับที่ถ่ายรูปตัวอย่างด้านบน (30/01/2015) ข้าวโพดที่ไม่ได้ซีลสูญญากาศ เหลืออยู่ในขวดประมาณ 1/4 ถ้วย มีกลิ่นอับ สีเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำมากขึ้น ดูแห้ง ไม่มีชีวิตชีวา และรสชาติปกติ

ช่วยถนอมอาหารให้เก็บได้นานขึ้น ในภาวะสูญญากาศ เชื้อราและจุลินทรีย์ไม่สามารถเติบโต หรือ ย่อยสลายอาหารได้ ดังนั้น

อาหารทั่วไปที่ซีลสูญญากาศ จะเก็บได้นาน 1-2 สัปดาห์ภายในตู้เย็น ในขณะที่ถ้าไม่ซีลสูญญากาศ จะอยู่ได้เพียง 1 – 3 วันเท่านั้น

อาหารแช่แข็งที่ซีลสูญญากาศ จะคงอยู่ได้นาน 2-3 ปี ภายในตู้แช่แข็ง ในขณะถ้าไม่ซีลสูญญากาศ จะอยู่ได้เพียงแค่ 6 – 12 เดือนเท่านั้น

ช่วยรักษาคุณภาพ, รสชาติและกลิ่นของอาหารให้สดใหม่อยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น ข้าวโพด ด้านซ้าย คือ ข้าวโพดที่เก็บในโหลแก้วธรรมดา และ ด้านขวา คือ ข้าวโพดที่เก็บในภาวะสูญญากาศ หลังจากผ่านมา 3 ปี ข้าวโพดในภาวะสูญญากาศ ยังคงมีกลิ่นและรสชาติเข้มข้น เหมือนเพิ่งเก็บเกี่ยวมาใหม่ช่วยประหยัดพื้นที่ในตู้แช่แข็ง อาหารที่ซีลสูญญากาศ จะมีขนาดเล็กลง และเก็บอยู่ในรูปของถุงสูญญากาศทำให้จัดเก็บได้มากขึ้น 2 – 3 เท่า

วัตถุดิบที่ไม่เหมาะจะนำมาซีลสูญญากาศ คือ ผักสดในตระกูล Cruciferin and Brassicaceae ที่มีการปล่อยก๊าส เช่น กระเทียม หอมแดง กะหล่ำปลี คะน้า บร็อกโคลี หรือแม้แต่ ผลไม้สด เช่น กล้วยและแอปเปิ้ล โดยหากต้องการซีลสูญญากาศวัตถุดิบสดเหล่านี้ ต้องทำการต้ม และ พักให้สะเด็ดน้ำจนแห้ง แล้วจึงทำการซีลสูญญากาศ

หากซีลวัตถุดิบประเภทนี้จะเป็นอย่างไร ในตอนแรกที่ซีลวัตถุดิบจะยังอยู่ในสภาพของสุญญากาศ โดยเมื่อเวลาผ่านไปตัววัตถุดิบจะค่อยๆ ปล่อยก๊าสออกมาทำให้ในท้ายที่สุด จะเหมือนมีก๊าสยังอยู่ในถุงสูญญากาศ

มี 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังต่อไปนี้

– ระบบดูดสูญญากาศจากภายนอก (External Vacuum Sealer)
ระบบนี้ ถุงที่บรรจุวัตถุดิบ จะอยู่ภายนอกตัวเครื่องซีลสูญญากาศ ตัวปั๊มสูญญากาศขนาดเล็ก จะดูดอากาศจากถุง แล้วทำการซีลปิดปากถุงทันที เครื่องประเภทนี้ ถูกออกแบบมาให้ตอบโจทย์การใช้งานในครัวเรือนโดยเฉพาะ เพราะมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา ใช้งานง่าย (มาพร้อมข้อจำกัดคือ ใช้ได้กับถุงซีลแบบลายนูนเท่านั้น)
กำลังผลิต <(30 – 50) ถุงต่อวัน ไม่สามารถซีลของเหลวที่เป็นน้ำได้ – ระบบลิ้นดูดสูญญากาศ (Nozzle Vacuum Sealer) ระบบลิ้นดูดสูญญากาศ เป็นรุ่นที่ถูกพัฒนาต่อจาก External Vacuum Sealer อีกทีด้วยการพัฒนาระบบลิ้น ที่สามารถยืดหดได้ และ ระบบการซีลที่สามารถปรับระยะเวลาในการซีลได้ ทำให้เครื่องรุ่นนี้ สามารถใช้งานกับถุงพลาสติกได้หลากหลายมากขึ้น นอกจากนั้น เครื่องระบบลิ้นดูด จะถูกติดตั้งด้วยปั๊มสูญญากาศ ที่มีขนาดใหญ่กว่า ทำให้ดูดสูญญากาศได้เร็วกว่ามาก
กำลังผลิต >100 ถุงต่อวัน สามารถซีลของเหลวได้ แต่ต้องมีการล้างลิ้นดูดทุกครั้ง

– ระบบห้องสูญญากาศ (Chamber Vacuum Sealer) ระบบห้องสูญญากาศต่างกัน คือ เรานำถุงที่ใส่วัตถุดิบอาหาร ไปใส่ไว้ด้านในห้องภายในเครื่อง แล้วปั๊มสูญญากาศขนาดใหญ่ จะทำการดูดอากาศในห้องออกมาจนหมด (แรงดันอากาศภายในถุงและภายในห้องจะเท่ากันพอดี) ประโยชน์ของเครื่องระบบห้อง นอกจากกำลังจะผลิตสูงและคงทนกว่าแล้ว ยังสามารถซีลวัตถุดิบได้หลากหลายมากกว่า เช่น ของเหลวประเภทน้ำซุป หรือ ผงละเอียด เช่น พริกไทยป่น
กำลังผลิต 200 – 500 ถุง / วัน สามารถซีลสินค้าได้ทุกประเภท ของเหลวและผงละเอียดได้อย่างสบาย

– VC-ECO Gen2 เป็นเครื่องรุ่นสุดฮิต ของรุ่นกึ่งอุตสาหกรรม ถูกปรับปรุงมาจากรุ่นแรก จากระบบแมนวลให้เป็นระบบออโต้เกือบทั้งหมด
และด้วยราคาเริ่มต้นที่ถูก เจ้า VC-ECO Gen2 ตัวนี้จึงเป็นเครื่องที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นธุรกิจ SME หรือแม้แต่ใช้ทั่วไปในครัวเรือน

– VC-EVO ถูกอัพเกรดมาทุกมิติ มาจาก VC-ECO อีกที ชิ้นแรกที่อัพเกรดมา คือ ตัวปั้มสูญญากาศ ที่ทรงพลังมากขึ้น ทำให้การซีลนั้น เร็วและแน่นกว่าตัว ECO
และ ชั้นทีสองคือ เมนบอรด์ (Main Board) และ แถบให้ความร้อน (Heater) ที่พัฒนาให้จ่ายไฟได้เสถียรมากขึ้น จึงส่งผลให้ แถบซีล ซีลได้เนียนสวย ปลอดภัยไม่รั่วง่ายๆ
และข้อสุดท้าย คือ หน้าจอ LED Screen ที่สวยงาม ทันสมัย ให้ข้อมุลแบบ Digital ได้อย่างแม่นยำ

ในหัวข้อนี้เราจะพูดถึงเรื่องการซีลสุญญากาศเท่านั้น เพราะการซืลปิดปากถุง เครื่องซีลทุกเครี่องสามารถทำได้หมด

– การซีลสุญญากาศกับเครื่องระบบดูดสูญญากาศจากภายนอก (External Vacuum Sealer) ไม่สามารถใช้สุญญากาศกับถุงร้อน/ เย็นได้

– การซีลสุญญากาศกับเครื่องระบบลิ้นดูดสูญญากาศ (Nozzle Vacuum Sealer) และระบบห้องสูญญากาศ (Chamber Vacuum Sealer) สามารถใช้ถุงร้อน/เย็นในการซีลสุญญากาศได้ “แต่”อาจไม่ได้รับผลดีเท่าที่ควร เนื่องจากถุงร้อน/เย็น ตามท้องตลาดทั่วไป มีค่าการรั่วไหลของอากาศต่อมากกว่าถุงสูญญากาศ ทำให้เมื่อปล่อยทิ้งไว้สักระยะ จะมีอากาศเล็ดรอดเข้าไปได้

เรื่องความหนากี่ไมครอน ของถุงอาจไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าถุงนั้นๆ จะรั่วซึมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ผลิต โดยทั่วไปของถุงซีลสุญญากาศจะมีค่าที่เรียกว่า ความสามารถในการปล่อยให้อากาศรั่วไหลต่อ ตร.ซม. ต่อ ชม. เราควรยึดค่านี้เป็นหลัก แต่โดยทั่วไปผู้จำหน่ายมักไม่ได้ให้ข้อมูลในด้านนี้

กล่าวโดยสรุปเราสามารถยึดความหนาของไมครอนเป็นการชี้วัดคร่าวๆ ได้ โดยความหนามาตรฐานของถุงซีลสุญญากาศไม่ควรต่ำกว่า 150 ไมครอน ดังนั้นการเลือกซื้อถุงซีลควรเลือกซื้อกับผู้จำหน่ายที่มีมาตรฐานรองรับ”

รอยรั่วเกิดจาก 2 สาเหตุหลักๆ คือ

1. ถุงไม่ได้มาตรฐานส่งผลให้เมื่อเวลาเราซีลปิดปากถุง ความร้อนจากแถบซีลอาจทำให้เกิดรอยรั่ว

วิธีแก้ไข ใช้ถุงที่ได้มาตรฐานสำหรับการซีลสุญญากาศ หรือ ลดความร้อนแถบซีล

2. สินค้าที่ซีลมีความแหลมคมมากเกินไป ทำให้เมื่อเวลาถุงหดตัวตอนดูดสุญญากาศเกิดการทะลุฉีกขาด

วิธีแก้ไข เลือกซื้อถุงที่มีความหนามากขึ้น หรือ ลดคมของวัตถุดิบนั้นๆ เช่น หากเราต้องการซีลปลาทั้งตัวเงี่ยงของปลานั้นมีความคม จำเป็นต้องตัดเงี่ยงปลาทิ้งก่อนทำการซีล

เสริมให้อีกนิด ถุงสุญญากาศที่ดีควรมีความหนามากกว่า 150 ไมครอน เหมาะสำหรับการซีลอาหารทั่วไป และมากกว่า 180 ไมครอน หากต้องการแช่แข็ง หรือทำความร้อน เช่น ซูวี เข้าไมโครเวฟ

ระบบดูดสูญญากาศจากภายนอก (External Vacuum Sealer)

– เนื่องจากเป็นเครื่องเริ่มต้น ตัวมอเตอร์ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานหนัก ควรพักเครื่องหลังจากการซีลต่อครั้งประมาณ 15 วินาทีและไม่ควรใช้งานติดต่อกันนานเกิน 2 ชม.

ระบบลิ้นดูดสูญญากาศ (Nozzle Vacuum Sealer)

– ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ในเชิงพาณืชย์ ตัวเครื่องสามารถทำงานต่อเนื่องได้ไม่เกิน 10 ชม. และไม่จำเป็นต้องพักเครื่องระหว่างการซีล ยกเว้นรุ่น VC88 ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษให้ทำงานได้ 24 ชม.

ระบบห้องสูญญากาศ (Chamber Vacuum Sealer)

– สามารถทำงานได้ต่อเนื่อง 24 ชม. และไม่จำเป็นต้องพักเครื่องระหว่างการซีล เนื่องจากถูกออกแบบมาให้ทำงานในระดับอุตสาหกรรม ทำธุรกิจของคุณไม่ติดขัด

ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน โดยควรคำนึงถึงปัจจัยดังต่อไปนี้

1. ปริมาณการใช้งานสูงสุดต่อวัน

2.วัตถุดิบที่ต้องการซีล สภาพเป็นอย่างไร วัตถุดิบที่ไม่มีน้ำ วัตถุดิบที่มีน้ำเล็กน้อย ซอส ของเหลว หรือ ผง

ซีลต่อวันน้อยกว่า 30ถุง (เหมาะกับของแห้ง และ ผง)

แนะนำเป็นเครื่องซีลสูญญากาศ รุ่นครัวเรือน

– VC01 Gen3 รุ่นใหม่ล่าสุด ที่พัฒนาต่อมาให้ลบจุดด้อยเก่า ๆ จนหมด อัพเกรดทั้งคุณภาพ และ ประสิทธิภาพการใช้งาน

– VCX เป็นรุ่นเริ่มต้นที่เหมาะที่สุดสำหรับการซีล บล็อคข้าว ถูกออกมาแบบมาอย่างดี ใช้งานง่ายเหมาะกับผู้เริ่มต้น

– VC77 และ VCZ Gen2 ทั้ง 2 รุ่นนี้เหมาะกับลูกค้าที่ต้องการเครื่องซีลที่ครบทุกฟังชั่น พร้อมใช้งานคู่ครัวไปอย่างยาวนาน ติดตั้งมาพร้อมมีดตัดถุงซีล, ระบบซีลสูญญากาศขวดไวน์, ระบบหมักอาหารในภาวะสูญญากาศ เป็นเครื่องซีลที่ควรมีติดทุกบ้านซีลต่อวัน 30-200 ถุง (เหมาะวัตถุดิบที่ไม่มีน้ำ วัตถุดิบที่มีน้ำเล็กน้อย)

– VC-ECO รุ่นขายดีที่สุดของเรา เป็นรุ่นเริ่มต้นสำหรับธุรกิจ SME ในราคาเพียงแค่ 3,200 บาท แต่สามารถซีลถุงได้แทบทุกชนิด ช่วยลดต้นทุนค่าถุงซีลไปได้กว่า 50% มีแท็งค์รองรับน้ำที่ด้านหลัง ทำให้สามารถซีลของแห้งและของเปียก

– VC-EVO รุ่นที่ถูกอัพเกรดขึ้นมาจาก VC-ECO ทั้งในเรื่องของระบบ ประสิทธิภาพ ความสเถียรในการใช้งาน นอกจากนี้แถบซีล และซิลิโคนของ VC-EVO ยังเป็นสินค้านำเข้า คุณภาพสุงพิเศษ ช่วยให้ซีลแน่นสวยไร้รอย 100% ซีลต่อวัน 100 ถุง ขึ้นไป (ใช้ได้กับวัตถุดิบทุกประเภท)

– VCE Gen2 ตัวนี้เป็นเครื่องซีลสูญญากาศแบบห้อง (Chamber) เป็นรุ่นเริ่มต้นที่มีราคาคุ้มค่า มีหลากหลายขนาดให้เลือก ติดตั้งแถบซีลขนาด 8 มิล (ใหญ่มาก) 2 ด้านทำให้ซีลสูญญากาศได้พร้อมกันได้ทีละหลายๆใบ ใช้งานได้กับถุงทุกชนิด รองรับการซีลของแห้ง, ของเปียก และ ผงละเอียด ตัวเครื่องผลิตจากสแตนเลสแท้พร้อมติดตั้ง 4 ล้อ ช่วยให้เคลื่อนย้ายได้สะดวก