วิธีเลือกเตาอบเบเกอรี่สำหรับมือใหม่ เลือกแบบไหนให้เหมาะกับการใช้งาน

อัปเดตเมื่อ วันที่ 28 ตุลาคม 2025

เตาอบเบเกอรี่มือใหม่ เลือกแบบไหน
Table Of Contents

อยากทำเบเกอรี่ให้อร่อยและออกมาสวยเหมือนร้าน นอกจากวัตถุดิบ สูตร และขั้นตอนที่พิถีพิถันแล้ว เตาอบเบเกอรี่มือใหม่ ก็เป็นอีกหนึ่งหัวใจสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มทำขนม แต่จะเลือก เตาอบขนม อย่างไรให้เหมาะสมและตอบโจทย์ที่สุด วันนี้เรามีคำตอบ!

เตาอบเบเกอรี่ มีกี่ประเภท

เตาอบมีหลายประเภท ขึ้นอยู่กับแหล่งพลังงานและฟังก์ชันในการใช้งาน โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้

1.เตาอบไฟฟ้า (Electric Oven) 

เป็นประเภทที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน และสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ได้แก่

เตาอบตั้งโต๊ะ

เตาอบตั้งโต๊ะ (Countertop Oven)

เรียกอีกอย่างว่า เตาติ๊ง เป็นเตาอบไฟฟ้าทั่วไป ติดตั้งง่าย ราคาเริ่มต้นไม่แพง เหมาะกับมือใหม่ มีหลายขนาด แต่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน ถ้าเลือกตัวเล็ก 10-20 ลิตร จะไม่เหมาะกับการอบเบเกอรี่ ควรเลือก 40 ลิตรขึ้นไป

เตาอบไฟฟ้าแบบฝัง

เตาอบไฟฟ้าแบบฝัง (Built-in Oven)

เตาอบที่ออกแบบมาให้ติดตั้งเข้ากับชุดครัวบิลท์อินโดยเฉพาะ ใช้ติดตั้งในเคาน์เตอร์หรือตู้ครัว มักมีขนาดใหญ่กว่าแบบตั้งโต๊ะและมีฟังก์ชันหลากหลาย เช่น ไฟบน-ล่าง, ระบบลมร้อน, โหมดย่าง, และบางรุ่นมีฟังก์ชันพิเศษ เช่น ระบบไอน้ำ หรือ Air Fryer

2.เตาอบ Convection (Convection Oven)

เตาอบ Convection

เตาอบ Convection หรือเตาอบลมร้อน 

มีพัดลมติดตั้งอยู่ภายใน ช่วยกระจายความร้อนให้ทั่วถึงและสม่ำเสมอ ทำให้อาหารสุกเร็วและทั่วถึง ได้รับความนิยมในวงการเชฟมืออาชีพ เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

3.เตาอบแบบชั้น (Deck Oven)

มีลักษณะเป็นชั้น ๆ คล้ายลิ้นชัก มีทั้งแบบชั้นเดียวและหลายชั้น เป็นเตาอบที่ออกแบบมาเพื่อทำเบเกอรี่โดยเฉพาะ นิยมในวงการเชฟเบเกอรี่ มีหลายแบบให้เลือก ตามชนิดพลังงานที่ใช้

เตาอบแบบชั้น

เตาอบแก๊ส (Gas Deck Oven)

ใช้แก๊สเป็นแหล่งพลังงาน ร้อนเร็ว แต่ควบคุมอุณภูมิยาก ไม่ค่อยได้รับความนิยม

เตาอบไฟฟ้า (Electric Deck Oven)

ใช้ไฟฟ้าเป็นแหล่งพลังงาน อุณหภูมิเสถียร ใช้งานง่าย ราคาเริ่มต้นไม่แพง

เตาอบแก๊ส ควบคุมด้วยไฟฟ้า (Gas Deck Oven with Electric Control)

ผสมผสานระหว่างแก๊สและไฟฟ้า ร้อนเร็ว อุณหภูมิเสถียร ประหยัดไฟฟ้า ราคาสูงกว่าเตาอบไฟฟ้าเล็กน้อย แต่คุ้มค่าในระยะยาว

4.เตาอบคอมบิ (Combi Oven)

เตาอบคอมบิ

เตาอบคอมบิ (Combi Oven)

เป็นเตาที่รวมฟังก์ชันเตาอบลมร้อนและเตานึ่ง ใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์ สามารถตั้งโปรแกรมให้ใช้ความร้อนแยก หรือ สองแบบได้พร้อมกัน เหมาะสำหรับใช้ทำอาหารคาวมากกว่า นิยมใช้ในร้านอาหาร โรงแรม หรือภัตตาคาร เนื่องจากมีขนาดใหญ่ ราคาแพง หากนำมาใช้ในบ้าน อาจจะเกินความจำเป็น

วิธีเลือกเตาอบเบเกอรี่สำหรับมือใหม่

ในการเลือกซื้อ เตาอบเบเกอรี่สำหรับมือใหม่ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าต้องการแบบไหน ใช้ทำอะไร เพราะเตาอบแต่ละแบบมีฟังก์ชันและขนาดที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นเตาอบไฟฟ้า เตาอบ Convection หรือเตาอบแก๊ส ดังนั้นสิ่งที่ต้องรู้ก่อนซื้อเตาอบเบเกอรี่ มีดังนี้

1.เบเกอรี่ที่ต้องการอบ

  • เบเกอรี่ทำง่าย เช่น เค้ก คุ้กกี้ แพนเค้ก แนะนำ เตาติ๊ง (Countertop Oven)
  • เบเกอรี่ที่ต้องเล่นกับไฟบน – ไฟล่าง เช่น เค้ก (Cake), เบเกอรี่ Quick Bread บิสกิต มัฟฟิน สโคน ขนมปังปอนด์แถว ขนมปังแซนด์วิช, ขนมปังที่ใช้ผงฟู รวมถึงเบเกอรี่จำพวกฟลาน (Flan) เช่น ทาร์ตไข่ คัสตาร์ด ครีมคาราเมล ฯลฯ แนะนำ เตาอบแบบชั้น (Deck Oven)
  • เบเกอรี่ที่ต้องการการพองตัว สีที่สม่ำเสมอ กรอบนอกนุ่มใน เช่น เพสทรี ขนมปังฝรั่งเศส ครัวซองต์ แป้งพัฟ แป้งพาย แป้งเดนิช คุ้กกี้ พิซซ่า มาการอง เมอแร็งก์ บราวนี่ ฯลฯ แนะนำ เตาอบ Convection (Ovection Oven)

2.ขนาดและความจุของเตาอบเบเกอรี่

เตาอบเบเกอรี่ มีหลายขนาด สามารถเลือกซื้อตามความจุของเตาอบเบเกอรี่ เลือกตามขนาดของถาด หรือสอบถามกับผู้ผลิตเพื่อความแน่ใจ ตามความต้องการใช้งาน

  • เน้นทำขนมทานเองในบ้าน/ปริมาณน้อย: เลือกขนาดประมาณ 20-40 ลิตร ก็เพียงพอต่อการอบเค้ก 1 ปอนด์ หรือคุกกี้ 1-2 ถาด
  • เริ่มทำขาย/ครอบครัวใหญ่: ควรเลือกขนาด 45-60 ลิตรขึ้นไป เพื่อให้สามารถอบขนมได้มากขึ้นและมีพื้นที่กระจายความร้อนที่ดี

3.ฟังก์ชันที่ควรมีในเตาอบ

เตาอบแต่ละรุ่น จะมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป แต่ในฟังก์ชันทั้งหมดมีฟังก์ชันที่ควรมองหา และต้องมีในเตาอบ ดังนี้

  • ทำความร้อนได้ไม่ต่ำกว่า 250 °C
    เตาอบที่ดีต้องสามารถตั้งอุณหภูมิได้ไม่น้อยกว่า 250 องศาเซลเซียส เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย ยิ่งเตาอบตั้งค่าความร้อนได้สูงมากเท่าไหร่ ยิ่งทำขนมได้หลายชนิดมากขึ้นเท่านั้น เพราะตอบโจทย์อุณหภูมิที่ขนมแต่ละประเภทต้องการได้ง่าย
  • ตั้งเวลาอบได้ ไม่น้อยกว่า 90 นาที
    ก่อนการเลือกซื้อ เตาอบเบเกอรี่มือใหม่ ควรพิจารณาอุณหภูมิและเวลาในลำดับต้น ๆ โดยทั่วไปขนมหรือเบเกอรี่ จะใช้เวลาในการอบอยู่ที่ 20 – 90 นาที แต่ถ้าหากปริมาณเบอเกอรี่ในเตาอบเยอะ ก็อาจต้องเพิ่มเวลาขึ้น หากเลือกเตาอบที่ตั้งเวลาได้น้อย เมื่อทำขนมที่ต้องใช้เวลานาน เราต้องคอยกลับมาตั้งเวลาใหม่จนครบเวลา แย่ไปกว่านั้น หากลืมกลับมาตั้งเวลา ขนมชิ้นนั้นอาจมีเนื้อสัมผัส รสชาติที่ผิดเพี้ยนไปจากสูตรเดิม เนื่องจากความไม่ต่อเนื่องของอุณหภูมิก็ได้
  • ไฟบน – ไฟล่าง ปรับแยกได้อิสระ
    เตาอบที่ดีจึงต้องมีระบบทำความร้อนทั้งด้านบน ด้านล่าง สามารถเลือกปรับได้อิสระ เพื่อให้เราเลือกได้ว่าต้องการให้ขนมชิ้นนั้นสุกในลักษณะไหน เช่น สุกล่าง สุกบน หรือสุกทั้งล่าง-บน เป็นต้น
  • หลอดไฟส่องสว่างภายในเครื่อง
    สำหรับมือใหม่แล้ว ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นไปกว่าการสังเกตขนมหรือเบเกอรี่ที่อยู่ภายในเตาว่าสุกอยู่ในระดับใด มีสีสวยหรือไม่ มีความฟูมากน้อยแค่ไหน หรือมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ เพราะหากเกิดอุบัติเหตุ หรือ เบเกอรี่ชิ้นนั้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่ต้องการ จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที
  • กระจกนิรภัยหนา 2 ชั้น
    ควรเลือกกระจกนิรภัย ตั้งแต่ 2 ชั้นขึ้นไป เพื่อความทนทาน กันความร้อนออกมาภายนอกได้ เพื่อประสิทธิภาพในการรักษาอุณหภูมิให้คงที่
  • แข็งแรงทนทาน มาตรฐาน Food Grade
    เตาอบเบเกอรี่ เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ต้องใช้งานร่วมกับขนมและอาหารอยู่ตลอดเวลา วัสดุที่ใช้ผลิตจึงต้องสามารถสัมผัสอาหารได้ (Food Grade) ที่สำคัญคือต้องมีความแข็งแรง ทนทาน ทนต่อความร้อนและสภาพอากาศภายนอกได้ดี จึงจะคุ้มค่า คุ้มราคา และคุ้มการลงทุน

4.กำลังวัตต์ของเตาอบเบเกอรี่

กำลังไฟเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องพิจารณา เนื่องจากเตาอบจัดเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่กินไฟสูงเมื่อเทียบกับอุปกรณ์อื่น หากใช้ไฟเกินกำลังที่มิเตอร์หรือระบบวงจรไฟฟ้ารับไหว อาจทำให้เกิดปัญหา ไฟดับ หรือ เบรกเกอร์ตัด ได้ จึงควรตรวจสอบความสามารถในการรองรับไฟของบ้านก่อนตัดสินใจซื้อเตาอบขนาดใหญ่

5.งบประมาณ 

หากมีงบประมาณ ประมาณ 3,000 – 5,000 บาท แนะนำเป็นเตาติ๊ง แต่หากมีงบประมาณที่มากกว่านี้เล็กน้อย แนะนำเป็น เตาอบแบบชั้น หรือ เตาอบ Convection มากกว่า เพราะเตาทั้งสองแบบนี้ ผลิตขึ้นมาเพื่อทำเบเกอรี่โดยเฉพาะ แถมยังราคาสูงกว่าเตาติ๊งนิดหน่อย แต่ใช้งานได้นาน อบขนมได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า

6.การรับประกันสินค้า และบริการหลังการขาย

อย่าลืมเลือกยี่ห้อหรือผู้ผลิตที่ได้มาตรฐาน มีการรับประกันสินค้า พร้อมบริการหลังการขายที่ดี เพื่อความอุ่นใจในการใช้งาน เพราะมือใหม่หลายคนอาจจะยังไม่รู้รายละเอียดเกี่ยวกับเตาอบมากนัก การได้รับคำปรึกษาจากผู้ขายหรือผู้ผลิตจึงมีความจำเป็นมาก และที่สำคัญควรมี สินค้าให้ทดลองใช้จริง เพื่อดูสินค้าตัวจริงและทดสอบระบบต่าง ๆ ก่อนซื้อ ยกตัวอย่างเช่น เตาอบเบเกอรี่ SGE

ขนมแต่ละประเภทเหมาะกับเตาแบบไหน

การเลือกประเภทของเตาอบขึ้นอยู่กับลักษณะของอาหารหรือเบเกอรี่ที่ต้องการทำ เนื่องจากแต่ละประเภทมีความต้องการเรื่องความร้อน การกระจายความร้อน และความชื้นที่แตกต่างกัน

ขนมแต่ละประเภทเหมาะกับเตาแบบไหน
ประเภทอาหาร/เบเกอรี่ลักษณะที่ต้องการเตาอบที่แนะนำ
ขนมปัง/ขนมอบกรอบต้องการความร้อนสูง, แห้ง, ได้ผิวที่สวยงามและกรอบเตาอบลมร้อน (Convection Oven) หรือ เตาอบแบบฝัง (Built-in) ที่มีพัดลม
เค้กทั่วไป (สปันจ์, บัตเตอร์, ชิฟฟอน)ต้องการความร้อนที่สม่ำเสมอและนุ่มนวลเตาอบไฟฟ้าทั่วไป (ไฟบน-ล่าง) หรือ เตาอบแบบฝัง (ใช้โหมดไฟบน-ล่างปกติ)
คุกกี้และบราวนี่ต้องการความร้อนที่สม่ำเสมอเพื่อให้สุกทั่วถึงทั้งถาดเตาอบลมร้อน (Convection Oven) หรือ เตาอบไฟฟ้าทั่วไป
พิซซ่า (Pizza)ต้องการความร้อนสูงและเน้นความร้อนจากด้านล่างเพื่อให้แป้งสุกกรอบเตาอบไฟฟ้าทั่วไป (เน้นไฟล่าง) หรือ เตาอบขนาดใหญ่ (Deck Oven) สำหรับการทำขาย
เมนูอบชีส/พายเล็กๆ (อาหารคาวง่ายๆ)ต้องการความร้อนที่ทำให้อาหารสุกทั่วถึง และโหมดไฟบนเพื่อให้ชีสเกรียมสวยเตาอบตั้งโต๊ะทั่วไป ที่สามารถปรับ ไฟบน-ล่างแยกกันได้

เคล็ดลับการใช้งาน สำหรับมือใหม่

1) การเผาเตาอบก่อนการใช้งาน

การเผาเตาอบ ก่อนการใช้งานครั้งแรก เป็นขั้นตอนสำคัญในการ กำจัดกลิ่นและควัน ที่เกิดจากสารเคลือบหรือน้ำมันที่ใช้ในการผลิต ซึ่งตกค้างอยู่ภายในและบนขดลวดความร้อน ช่วยให้สารเคมีและกลิ่นไม่พึงประสงค์ ไม่ติดไปกับอาหารระหว่างการอบ

2) การใช้ถาดอบ กระดาษไข อะลูมิเนียมฟอยล์

  • ถาดอบ (Baking Tray) เป็นถาดที่ออกแบบพิเศษสำหรับใช้กับเตาอบ นำความร้อนดี ทนทาน ใช้กับอาหารได้ ควรเลือกขนาดที่เหมาะสม ไม่ใหญ่เกินไปจนขวางทางลมร้อน
  • กระดาษไขรองอบ (Baking Paper) ใช้สำหรับรองถาดอบเพื่อ ป้องกันขนมติด และช่วยให้การทำความสะอาดง่ายขึ้น
  • อะลูมิเนียมฟอยล์ (Aluminum Foil) ช่วยรักษาความสดของอาหาร ป้องกันการสูญเสียน้ำ การซึมผ่านของไขมันและน้ำมัน แถมยังป้องกันอากาศภายนอกหรือกลิ่นแปลกปลอมเข้าไปสัมผัสกับอาหารอีกด้วย นิยมใช้กับขนมปังที่ต้องการความชื้น

3) การใช้เทอร์โมมิเตอร์ (Thermometer)

เตาอบส่วนใหญ่ (โดยเฉพาะแบบตั้งโต๊ะ) มักมีอุณหภูมิที่คลาดเคลื่อน จากหน้าจอหรือปุ่มหมุน อาจสูงหรือต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 10-30°C การใช้เทอร์โมมิเตอร์จึงช่วยวัดอุณหภูมิจริงในเตาได้ โดยการแขวนไว้ด้านในเตาอบ

4) วิธีคำนวนองศาฟาเรนไฮต์ให้เป็นองศาเซลเซียส

มือใหม่ที่เพิ่งหัดทำอาหารหรือขนม หากมีสูตรในการทำขนม ควรสังเกตหน่วยอุณหภูมิของสูตรนั้นให้ดี เพราะอาหารหรือขนมบางสูตรเป็นสูตรของต่างประเทศ อาจใช้เป็นหน่วยฟาเรนไฮต์ ส่วนบ้านเราใช้เป็นองศาเซลเซียส หากต้องการเปลี่ยนจากฟาเรนไฮต์มาเป็นองศาเซลเซียส สูตรคือ  C = (℉ – 32) / 1.8 หรืออาจจะใช้วิธีคำนวณในอินเทอร์เน็ตก็ได้

5) คำแนะนำในการใช้งานเตาอบเบื้องต้น

  • วอร์มเตา (Preheat): ก่อนนำขนมเข้าอบ ต้องวอร์มเตาอบล่วงหน้าเสมอ โดยตั้งอุณหภูมิที่ต้องการและรอให้เตาถึงอุณหภูมินั้นจริง ๆ (ตรวจสอบด้วยเทอร์โมมิเตอร์) โดยทั่วไปใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ดูวิธีวอร์มเตาอบ สำหรับมือใหม่
  • อย่าเปิดฝาเตาอบหากไม่จำเป็น: การเปิดประตูเตาอบขณะอบจะทำให้ อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลเสียต่อการขึ้นฟูของขนม
  • การจัดวางถาด: ตำแหน่งชั้นวางในเตาอบก็มีผลต่อการอบขนม พยายามวางถาดอบในตำแหน่ง กึ่งกลาง ของเตาอบ เพื่อให้ได้รับความร้อนที่สม่ำเสมอที่สุด หากต้องการให้ขนมสุกด้านล่าง ควรวางชั้นวางไว้ด้านล่าง แต่ถ้าต้องการให้หน้าขนมกรอบ ควรวางชั้นวางไว้ด้านบน
  • ทำความสะอาดหลังใช้งาน: ควรเช็ดคราบหรือเศษอาหารออกทันทีหลังเตาเย็นลง เพื่อป้องกันคราบฝังแน่น และลดการเกิดควันเมื่อใช้งานในครั้งต่อไป
  • ควรติดตั้งเบรกเกอร์ สำหรับเตาอบที่มีกำลังไฟฟ้า 3,000 วัตต์ขึ้นไป

เห็นไหมคะ การเลือกเตาอบเบเกอรี่สำหรับมือใหม่ ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงเลือกให้ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน พื้นที่ในการติดตั้ง และอยู่ในงบประมาณที่ตั้งไว้ เท่านี้ก็จะได้เตาอบที่ตอบโจทย์ความต้องการของเราแล้ว หากยังลังเลอยู่ ลองเทียบคุณสมบัติที่แนะนำกับรุ่นที่เล็งไว้ว่ามีฟังก์ชันครบตามต้องการหรือไม่ เท่านี้ก็พร้อมอบขนมให้อร่อยและได้ผลลัพธ์ตรงสูตรทุกครั้งแล้วค่ะ

SGE เพื่อนซี้คู่คิดพ่อค้า แม่ค้า ธุรกิจ SME

เราจำหน่ายเครื่องซีลสูญญากาศ เครื่องจักรแปรรูปอาหารและเบเกอรี่ ให้เลือกกว่า 1,000 รายการ! รับประกันคุณภาพ ราคาคุ้มค่า! และมีทีมช่างมืออาชีพให้บริการหลังการขาย พร้อมอะไหล่สำรอง

ทดลองสินค้าจริงที่โชว์รูม ฟรี!

  • สาขาสาทร (สำนักงานใหญ่) ที่ตั้ง 658 ซ.เจริญกรุง 67 ยานนาวา สาทร กรุงเทพฯ

  • 086-1998958

เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย

ความคิดเห็น (Comments)

0 0 โหวต
Article Rating
guest
0 Comments
โหวตสูงสุด
ใหม่สุด เก่าสุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด