3,339 Views

คัดลอกลิงก์

15 สูตร ขนมนึ่ง ทำเองง่าย ๆ อร่อย ไม่ใช้เตาอบ

ขนมนึ่ง ทั้งไทยและเทศ มีอะไรบ้าง SGE มี 15 สูตรขนมนึ่ง มาฝาก ใครมีซึ้งนึ่ง หรือ ลังถึง อยู่ที่บ้าน เตรียมคว้ามาทำตามได้เลย ทำง่าย แน่นอน

1. ขนมเข่ง

ขนมนึ่ง

ขนมเข่ง เป็น ขนมนึ่ง ที่คนจีนมักใช้เซ่นไหว้ เนื่องในโอกาสสำคัญ ๆ ไม่ว่าจะเป็น วันตรุษจีน หรือ วันสารทจีน ซึ่งถ้าหากใครอยากทำ ขนมเข่ง เพื่อเซ่นไหว้บรรพบุรุษ หรือ เทพเจ้าแล้วละก็ ทำตามสูตรนี้ได้เลย รับรองว่าจะได้แป้งสีขาวนวลเหนียวนุ่ม ทานอร่อยแน่นอน

ส่วนผสม

  • แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
  • น้ำตาลทราย 400 กรัม
  • น้ำ 400 มิลลิลิตร
  • สีผสมอาหารสีแดง
  • กระทงใบตอง
  • น้ำมันพืชสำหรับทากระทง

วิธีทำขนมเข่ง

  1. เตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทราย จากนั้น ให้ค่อย ๆ เทน้ำเปล่าลงไป พร้อมกับนวดแป้งเป็นระยะ ๆ จนกว่าน้ำตาลทรายจะละลาย และแป้งเริ่มจับตัวเป็นก้อนเดียวกัน
  2. เสร็จแล้ว ให้เติมน้ำเปล่าทั้งหมดลงไป นวดแป้งให้ละลายดี จนมีความข้นเหนียว ในระดับที่ยกมือขึ้นมาแล้ว เห็นแป้งไหลเป็นสายลงไป ไม่ขาดช่วง
  3. ตั้งซึ้งนึ่ง ต้มน้ำให้เดือด นำน้ำมันพืชมาทาในกระทงใบตองให้ทั่ว จากนั้น หยอดแป้งขนมเข่งลงไป 3/4 เสร็จแล้ว นำไปนึ่งด้วยไฟกลาง ใช้เวลา 30 นาที
  4. นำขนมเข่งออกมา พักให้เย็นสนิท จากนั้น ใช้ตะเกียบไม้จุ่มสีผสมอาหารสีแดง แต้มลงไปตรงกลาง รอให้แห้งสนิท เป็นอันเสร็จ

2. ขนมเทียน

ขนม

ขนมเทียน เป็น ขนมนึ่ง ที่ถูกดัดแปลงมาจากขนมเข่ง โดยคนไทยเชื้อสายจีน ลักษณะเป็นขนมที่ห่อด้วยใบตองเป็นรูปทรงกรวย ตัวแป้งทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมกับน้ำตาลมะพร้าว น้ำเปล่าหรือกะทิ สอดไส้ด้วยถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกและมะพร้าวขูดฝอย ให้รสชาติเค็มและหวาน มักใช้เป็นของเซ่นไหว้ในเทศกาลสำคัญเช่น วันสารทจีน เพื่อรำลึกถึงบรรพบุรุษ โดยขนมเทียน มีความหมายคือ การมีชีวิตที่ราบรื่น ด้วยรูปร่างขนมที่เป็นกรวยแหลมเหมือนเจดีย์ในวัด จึงกลายมาเป็นขนมมงคลที่นิยมใช้ในวันสำคัญทั้งของชาวไทยและชาวจีน

ส่วนผสมแป้งขนมเทียน

  • แป้งข้าวเหนียว 500 กรัม
  • น้ำตาลมะพร้าวอย่างดี 350 กรัม
  • น้ำเปล่า 300-400 มิลลิลิตร

ส่วนผสมไส้ขนมเทียน

  • ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก 250 กรัม
  • กระเทียมไทยบดละเอียด 50 กรัม
  • น้ำมันพืช 2-3 ช้อนโต๊ะ
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • พริกไทยป่น 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลทรายขาว 100 กรัม
  • ต้นหอมซอย 1-2 ต้น

วิธีทำ

  1. เริ่มทำแป้งขนมเทียน โดยเตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเหนียว ตามด้วยน้ำตาลมะพร้าว ใช้มือค่อย ๆ นวด และเติมน้ำเปล่าลงไปเป็นระยะ จนกว่าส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี และแป้งจับตัวกันเป็นก้อนเนื้อเนียนนุ่ม เสร็จแล้ว พักแป้งไว้ 4 ชั่วโมง
  2. ทำไส้เค็ม โดยนำถั่วเขียวซีกเลาะเปลือก ไปล้างน้ำ 4 – 5 รอบ จนกว่าน้ำจะใส จากนั้น แช่น้ำทิ้งไว้ 4 ชั่วโมง พอครบเวลาให้นำไปนึ่งซึ้งนึ่ง เป็นเวลา 30 นาที เพื่อให้สุก เสร็จแล้ว ใส่เครื่องปั่น ปั่นให้เนื้อเนียนละเอียด
  3. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป ตามด้วยกระเทียมบด ผัดให้มีกลิ่นหอม จากนั้น ใส่ถั่วเขียวซีกเลาะเปลือกและน้ำตาลลงไป ผัดทุกอย่างให้เข้ากัน
  4. ปรุงรสด้วยพริกไทย เกลือ ผัดทุกอย่างให้เข้ากัน พอเข้ากันดีแล้ว ใส่ต้นหอมลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากันอีก 1 รอบ เสร็จแล้ว ตักขึ้นมาใส่ชาม พักไว้ให้เย็น
  5. นำไส้ที่ผัดไว้ ขึ้นมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ก้อนละ 15 กรัม จากนั้น นำแป้งขนมเทียนที่พักไว้ขึ้นมา ชั่งให้ได้ก้อนละ 30 กรัม นำขึ้นมาแผ่เป็นแผ่นบาง ๆ แล้วนำไส้ที่ปั้นไว้ ขึ้นมาห่อให้เรียบร้อย วางลงในชามที่เทน้ำมันรองไว้ เพื่อไม่ให้แป้งแต่ละก้อนติดกัน
  6. เตรียมใบตองมาห่อ สองแผ่น แผ่นเล็กกับแผ่นใหญ่ (แผ่นใหญ่ให้ตัดด้านหนึ่งเป็นเส้นตรง อีกด้านหนึ่งเป็นปลายแหลม) นำไปลนไฟ เพื่อให้นิ่ม เสร็จแล้ว นำมาซ้อนทับกัน แล้ววางขนมเทียนลงไป ห่อเป็นรูปกรวยให้เรียบร้อย
  7. ต้มน้ำในซึ้งนึ่งให้เดือด วางขนมเทียนลงไป นึ่งด้วยไฟกลางค่อนไฟแรง เป็นเวลา 40 นาที เป็นอันเสร็จ

3. ขนมใส่ไส้

ขนมนึ่ง

ขนมใส่ไส้ หรือ ขนมสอดไส้ (Steamed flour with coconut filling) เป็น ขนมนึ่ง โบราณ มักใช้ในงานพิธีหมั้น เพื่อเป็น 1 ในขนม 9 อย่าง ที่ใส่ในขันหมากโทคู่ขันหมากเอก ในขบวนแห่ขันหมากเพื่อไปสู่ขอเจ้าสาว ลักษณะเป็นขนมที่ใช้แป้งข้าวเหนียวขาวและแป้งข้าวเหนียวดำ ห่อหุ้มไส้ข้างใน ทำจากมะพร้าวเคี่ยวน้ำตาล หยอดด้วยแป้งข้าวเจ้า กะทิ และเกลือ ที่กวนสุก แล้วห่อด้วยใบตองให้เป็นทรงสูงคาดด้วยทางมะพร้าว จะได้ขนมที่มีกลิ่นหอม ไส้หวาน เค็มมันด้วยกะทิที่ข้นมัน

ส่วนผสมไส้มะพร้าว

  • ลูกมะพร้าวอ่อน
  • ลูกมะพร้าวทึนทึก
  • น้ำมะพร้าว 50 กรัม
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลโตนด 480 กรัม

ส่วนผสมแป้งโตนดห่อไส้มะพร้าว

  • แป้งข้าวเหนียว 300 กรัม
  • เนื้อตาลโตนด 170 กรัม

ส่วนผสมกะทิ

  • แป้งข้าวเจ้า 120 กรัม
  • แป้งถั่วเขียว 1 ช้อน
  • หัวกะทิ
  • หางกะทิ
  • น้ำตาลทราย 2 ช้อน
  • เกลือ 3/4 ช้อน

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

  • เทียนอบขนม
  • ใบตอง
  • ใบมะพร้าวคาดเตี่ยว

วิธีทำไส้มะพร้าว

  1. ใช้มีดเล็ก ขูดเนื้อมะพร้าวจากลูกมะพร้าวอ่อน ลูกมะพร้าวทึนทึก ออกมาเป็นฝอยเล็ก ๆ
  2. ตั้งกระทะ เปิดไฟกลาง เทน้ำมะพร้าว 50 กรัม ลงไป ตามด้วยเกลือ 1/2 ช้อนชา น้ำตาลโตนด 480 กรัม เคี่ยวจนกว่าน้ำตาลโตนดจะละลาย
  3. ใส่เนื้อมะพร้าวขูดลงไป ผัดให้ไส้แห้ง และ เหนียว เสดแล้วให้ตักขึ้น พักให้เย็น
  4. ปั้นไส้เป็นลูกกลม ๆ ขนาดเล็ก ใส่ลงในหม้อ วางชามแก้วอยู่ตรงกลาง แล้วจุดไฟเทียนอบขนม เมื่อไฟลุกให้ดับไฟ จนเทียนส่งควันสีขาว แล้วจึงวางลงในชามที่เตรียมไว้ ปิดฝาให้สนิท เพื่ออบไส้ เป็นเวลา 20 นาที

วิธีทำแป้งห่อไส้มะพร้าว

  1. เตรียมชามผสมอาหาร เทแป้งข้าวเหนียว 300 กรัมลงไป ตามด้วยเนื้อตาลโตนด 170 กรัม ใช้มือคนให้เข้ากัน แล้วเทน้ำเย็นจัดลงไปเล็กน้อย นวดแป้งจนกว่าเนื้อเนียนนุ่ม ไม่ติดมือ
  2. นำเนื้อแป้งออกมาเล็กน้อย ห่อไส้มะพร้าวที่ปั้นไว้เข้าด้วยกัน จนเป็นลูกกลม ๆ แล้วใช้ผ้าขาวบาง ปิดพักไว้

วิธีทำกะทิ

  1. เตรียมชามผสมใหม่ ใส่แป้งข้าวเจ้า 120 กรัม แป้งถั่วเขียว 1 ช้อน น้ำตาลทราย 2 ช้อน เกลือ 3/4 ช้อน ใช้ตะกร้อมือคนให้เข้ากัน
  2. ใส่หัวกะทิลงไป 700 กรัม คนเข้าด้วยกัน จนกว่าแป้งจะละลายเข้ากันทั้งหมด ตามด้วยหางกะทิอีก 300 กรัม แล้วนำไปตั้งไฟ เปิดไฟกลาง คนจนกว่าเนื้อแป้งข้นขึ้น จึงปิดไฟ
  3. ใส่ไส้มะพร้าวที่ห่อไว้ ลงไปในหม้อจนหมด แล้วใช้ช้อน ตักเนื้อแป้งพร้อมไส้ขึ้นมาทีละลูก ใส่ในใบตอง

วิธีทำห่อใบตอง

  1. วิธีทำห่อใบตอง จะใช้ใบตอง 2 ใบ ใบที่ 1 ให้ตัดใบตองออกเป็นสี่เหลี่ยมมุมเฉียงทั้ง 4 ด้าน (เหมือนสามเหลี่ยมชนกัน) หรือ จะเป็นวงรีก็ได้ โดยให้ตัดเป็นแผ่นใหญ่ ใบที่ 2 ตัดใบตองเหมือนกัน แต่ให้มีขนาดเล็กกว่า แล้วนำใบที่ 1 ใบใหญ่ หันด้านมันออก ใบที่ 2 หันด้านมันเข้า มาวางซ้อนกัน ตักแป้งและไส้มาวางแล้วเริ่มห่อ
  2. วิธีห่อ ให้พับด้านที่สั้นสุด เข้าหากัน จากนั้น ค่อยพับด้านยาวเข้ามาประกบ ใช้ใบมะพร้าวมาคาดเตี่ยวตรงจุดประกบ คล้องขึ้นเข้าหากันด้านบน แล้วนำไม้จิ้มฟันมากลัดใบมะพร้าว
  3. เรียงห่อขนมทั้งหมดลงในซึ่ง นึ่งเป็นเวลา 20 นาที เป็นอันเสร็จ

4. ขนมตาล

ขนม

ขนมนึ่ง แบบไทย ๆ ที่ได้รสหวานจากลูกตาล ผสมกับแป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย กะทิหอมมัน เพิ่มความกรุบกรอบด้วยมะพร้าวขูดคลุกเกลือไว้ด้านบน ทำให้ได้ขนมตาลที่มีสีเหลืองทอง น่ารับประทาน หวานอร่อยอย่าบอกใคร

ส่วนผสม

  • น้ำตาลทราย 400 กรัม
  • กะทิ 3 ถ้วย
  • เนื้อลูกตาลสุก 350 กรัม
  • แป้งข้าวเจ้า 500 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
  • มะพร้าวทึนทึกขูดเส้นเล็ก คลุกเกลือเล็กน้อยสำหรับโรยหน้า 2 ถ้วย

วิธีทำ

  1. ละลายน้ำตาลทรายในกะทิ เติมเนื้อลูกตาลลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นใส่แป้งและผงฟูลงไป คนจนเนียน
  2. กรองส่วนผสมด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ประมาณ 10 นาทีให้ส่วนผสมขึ้น
  3. ระหว่างรอขนมขึ้น ใส่น้ำในลังถึง ตั้งไฟกลางเตรียมไว้ เรียงถ้วยตะไลลงในลังถึง พอส่วนผสมครบเวลา ตักส่วนผสมยอดลงในถ้วยตะไลจนเต็มถ้วย โรยด้วยมะพร้าวทึนทึก นึ่งบนน้ำเดือดประมาณ 15-20 นาที จนกระทั่งสุก ยกลงจากเตา พักให้เย็นแซะออกจากถ้วย พร้อมเสิร์ฟ

5. ขนมถ้วย

ขนมนึ่ง

ขนมถ้วย หน้ากะทิเข้มข้น สอดไส้แป้งผสมกับน้ำตาล เป็น ขนมนึ่ง ที่หาทานได้ง่ายมาก ๆ ในสมัยก่อน และ มีราคาถูกด้วย แต่ด้วยยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้หาทานได้ยากขึ้นทุกวัน หากใครอยากให้รุ่นลูกรุ่นหลาน รู้จักกับขนมหวานนี้แล้วละก็ ลองทำให้ทานกันดู นอกจากจะได้ย้อนวัยเด็กแล้ว ยังทำให้ลูกหลานรู้จักกับขนมหวานไทยชนิดนี้อีกด้วย

ส่วนผสมไส้แป้ง

  • แป้งข้าวเจ้า 65 กรัม
  • แป้งมันหรือแป้งท้าวยายม่อม 15 กรัม
  • น้ำตาลโตนด 120 กรัม
  • กะทิถุงพาสเจอร์ไรส์  200 กรัม
  • น้ำใบเตย 200 กรัม

ส่วนผสมหน้ากะทิ

  • กะทิถุงพาสเจอร์ไรส์  400 กรัม
  • แป้งข้าวเจ้า 20 กรัม
  • น้ำตาลทราย 30 กรัม
  • เกลือ 3 กรัม (1 ช้อนชา)

วิธีทำไส้แป้ง

  1. นำใบเตยมาหั่นหยาบ ๆ ใส่เครื่องปั่น ตามด้วยน้ำเปล่าเล็กน้อย จากนั้น ปั่นให้ละเอียด แล้วนำไปกรองผ่านถุงชา ก็จะได้น้ำใบเตยเข้มข้นออกมา
  2. เตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำตาลโตนด กะทิ และน้ำใบเตย จากนั้น คนส่วนผสมทั้งหมดให้ละลายเข้ากัน
  3. เตรียมซึ้งนึ่ง ต้มน้ำให้เดือด แล้ววางถ้วยตะไลลงไป นึ่งถ้วยให้ร้อน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที
  4. พอครบเวลา ให้ตักแป้งหยอดลงไปครึ่งถ้วย จากนั้น ปิดฝา ใช้ไฟกลาง นึ่งต่ออีก 5-8 นาที

วิธีทำหน้ากะทิ

  1. เตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเจ้า น้ำตาลทราย เกลือป่น คนให้เข้ากัน
  2. จากนั้น เทหัวกะทิลงไป คนให้น้ำตาลและแป้งละลายเข้ากัน
  3. ตักกะทิหยอดใส่ถ้วยตะไลให้พอดี อย่าล้นเกินขอบถ้วย
  4. เตรียมซึ่งนึ่ง ต้มน้ำให้เดือด วางขนมถ้วยลงไป แล้วปิดฝา นึ่งโดยใช้ไฟแรง เป็นเวลา 7 นาที
  5. พอหน้ากะทิแตกมันดีแล้ว ให้ยกมาพักไว้ให้เย็น เป็นอันเสร็จ

6. ขนมชั้น

ขนม

ขนมชั้น มีเนื้อสัมผัสที่นุ่ม เด้ง เคี้ยวสู้ฟัน ทำให้เป็น ขนมนึ่ง ที่คนไทยแทบทุกคนคงได้ทานกันตั้งแต่เด็ก ซึ่งด้วยความเชื่อที่ว่า ทานแล้ว จะมีความสุข ความเจริญก้าวหน้า แก่ผู้รับประทาน รวมถึงผู้ที่ทำ ทำให้เป็น ขนมไทย ที่ยังคงได้รับความนิยมจนถึงปัจจุบัน

ส่วนผสม

  • แป้งมันสำปะหลัง 480 กรัม
  • แป้งข้าวเจ้า 30 กรัม
  • แป้งท้าวยายหม่อม 150 กรัม
  • หัวกะทิ  900 กรัม
  • หางกะทิ 100 กรัม
  • ใบต้นใบเตย
  • น้ำใบเตยเข้มข้น 100 กรัม
  • น้ำลอยดอกมะลิ 100 กรัม
  • น้ำตาล 950 กรัม
  • เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

  1. นำแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และ แป้งท้าวยายหม่อม ผสมกัน อบด้วยควันเทียนไว้ 1 คืน
  2. นำหัวกะทิ มาเคี่ยวจนกว่าจะได้น้ำมันใส ๆ ซึ่งเรียกว่า น้ำมันขี้โล้ กรองเอาแต่น้ำมัน ไม่เอากาก สำหรับไว้ทาถาดอบขนม
  3. นำใบต้นใบเตยมาล้างทำความสะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เสร็จแล้วใส่เครื่องปั่น เทหัวกะทิลงไปเล็กน้อย ปั่นจนละเอียด นำมากรองเอากากออก จนเหลือแต่น้ำใบเตย
  4. จากนั้น นำน้ำใบเตยที่กรองมาแล้ว ใส่เครื่องปั่นใหม่ เป็นครั้งที่ 2 พร้อมกับใบเตยที่หั่นไว้ ปั่นให้ละเอียด เสร็จแล้ว นำมากรองเอากากออก จนเหลือแต่น้ำใบเตย แล้วเทใส่เครื่องปั่นพร้อมกับใบเตยหั่น ปั่นอีกครั้ง ทำอย่างนี้ซ้ำ 3-4 รอบ เสร็จแล้ว จนเมื่อได้น้ำใบเตยออกมาในรอบสุดท้าย ให้นำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง ก็จะได้น้ำใบเตยที่เข้มข้นออกมา
  5. เตรียมชามผสมอาหาร ใส่น้ำตาลทรายขาวผสมกับเกลือเพียงเล็กน้อย แล้วใส่น้ำหางกะทิลงไป เสร็จแล้วนำไปตั้งไฟ ค่อย ๆ คนให้น้ำตาลละลายจนหมด จนกลายเป็นน้ำเชื่อม
  6. ต่อมา ให้ค่อย ๆ ตักน้ำหัวกะทิที่เคี่ยวไว้ ใส่ลงในชามผสมแป้งทั้ง 3 ชนิด แล้วใช้มือค่อย ๆ นวด จนเนื้อแป้งเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่ติดภาชนะ ไม่ติดมือ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
  7. เสร็จแล้ว ให้เทน้ำหัวกะทิลงในชาม ค่อย ๆ นวดให้แป้งละลายไปกับน้ำหัวกะทิ จนเป็นเนื้อเดียวกัน (ไม่เทเยอะจนเกินไป แค่พอให้แป้งละลายจนหมด)
  8. จากนั้น นำน้ำเชื่อมที่เคี่ยวไว้จนเดือด ค่อยเท ๆ ลงไป ระหว่างเท ให้ใช้ตะกร้อมือคนไปด้วย ขั้นตอนนี้สำคัญ ควรคนอย่างต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้แป้งจับตัวกันเป็นเม็ด
  9. แยกน้ำแป้งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่เป็นสีขาวและสีเขียว โดยสีขาว ให้เติมด้วยน้ำลอยดอกมะลิ 100 กรัม สีเขียวเติมน้ำใบเตยเข้มข้น 100 กรัม แล้วนำส่วนผสมสีขาวมากรองกับผ้าขาวบาง แล้วค่อยกรองสีเขียว
  10. นำน้ำมันขี้โล้ทาถาด ให้ทั่วรวมถึงขอบด้านข้างด้วย แล้วนำเฉพาะถาดไปนึ่งก่อน ประมาณ 5 นาที แล้วค่อยเทแป้งสีเขียวสลับกับสีขาว เป็นชั้นบาง ๆ ลงไปให้ทั่วถาด เป็นจำนวน 9 ชั้น โดยระหว่างเทแต่ละชั้น ต้องดูให้ดีว่า ระดับเท่ากันหรือไม่ เพื่อให้ทุกชั้นระดับเท่ากัน แล้วนึ่งแต่ละชั้นแยกกัน โดยชั้นที่ 1 – 5 นึ่งชั้นละ 5 นาที ชั้นที่ 6 ใช้เวลานึ่ง 6 นาที ชั้นที่ 7 – 8 ใช้เวลานึ่ง 7 นาที และชั้นที่ 9 นึ่งเป็นเวลา 7นาที
  11. อบเสร็จแล้ว นำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ตกแต่งตามสะดวก เป็นอันเสร็จ

7. ขนมปุยฝ้าย

ขนมนึ่ง

ขนมปุยฝ้าย คนเฒ่าคนแก่ ผู้หลักผู้ใหญ่ มักจะนำมาเป็นขนมมงคล ใช้เซ่นไหว้ในพิธีสำคัญต่าง ๆ ซึ่งด้วยสีสันที่สวยงาม และความเป็นฟูฟ่องอันเป็นเอกลักษณ์ ทำให้นิยมเรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า ขนมถ้วยฟู โดยขนมปุยฝ้าย ยังถือเป็น ขนมนึ่ง ต้นแบบ ที่ถูกนำมาดัดแปลง จนกลายเป็น ขนมสาลี่ ในจังหวัดสุพรรณบุรีอีกด้วย แต่แตกต่างตรงที่ขนมปุยฝ้าย พอนึ่งเสร็จแล้ว หน้าขนมจะแตก ไม่เหมือนกับขนมสาลี่ ที่หน้าขนมจะเรียบเนียน

ส่วนผสม

  • แป้งเค้ก 2+½ ถ้วย ประมาณ 300 กรัม
  • ผงฟู 1 ช้อนชา
  • ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 3 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1+¼ ถ้วย หรือ 250 กรัม
  • น้ำเปล่า (อุณหภูมิห้อง) 1 ถ้วย
  • สารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) 4 ช้อนชา
  • นมข้นจืด 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำหอมกลิ่นมะลิ 1 ช้อนชา หรือกลิ่นนมแมว 2 หยด
  • สีผสมอาหาร ตามชอบ

วิธีทำ

  1. เตรียมอ่างผสม ร่อนแป้งเค้กกับผงฟูเข้าด้วยกัน เตรียมไว้
  2. ใส่ไข่ไก่ น้ำตาลทราย และน้ำ ลงในอ่างผสม จากนั้นป้ายสารเสริมคุณภาพสำหรับทำขนมเอสพี (SP) บนหัวตีรูปตะกร้อ ตีผสมด้วยความเร็วสูง นานประมาณ 3-5 นาที หรือจนส่วนผสมขึ้นฟูเป็น 3 เท่า
  3. ลดความเร็วเครื่องตีลง ใช้ความเร็วต่ำ จากนั้นค่อย ๆ ตักแป้งใส่ลงไปตีผสมจนหมด ปาดข้างอ่าง ตีผสมจนเข้ากันเป็นเนื้อเดียว ค่อย ๆ เทนมข้นจืดลงไป ตามด้วยน้ำมะนาวและน้ำหอมกลิ่นมะลิ ตีต่อประมาณ 30 วินาที ปิดเครื่อง คลุมอ่างผสมด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำหมาด ๆ พักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที เพื่อให้ส่วนผสมขึ้นฟู
  4. ใส่น้ำลงในชุดนึ่ง นำขึ้นตั้งไฟแรงจนน้ำเดือดจัด เมื่อครบเวลา ใช้พายยางคนตะล่อมแป้งให้เข้ากันอีกครั้ง แบ่งแป้งผสมสีผสมอาหารตามชอบ เตรียมไว้
  5. วางถ้วยกระดาษ (ถ้วยจีบ) ลงในพิมพ์อะลูมิเนียม ตักส่วนผสมแป้งใส่ประมาณ ¾ พิมพ์ จากนั้นวางเรียงในชุดนึ่ง โดยวางถ้วยให้ระยะห่างกันประมาณ 2 ซม. เพื่อให้ความร้อนกระจายขึ้นมาอย่างทั่วถึง
  6. จากนั้นนำไปนึ่งด้วยไฟแรง นานประมาณ 15 นาที นำออกจากชุดนึ่ง แกะขนมออกจากพิมพ์ พร้อมเสิร์ฟ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

8. ขนมสาลี่

ขนม

ขนมสาลี่ เป็น ขนมนึ่ง ที่มีเฉพาะในจังหวัดสุพรรณบุรี เท่านั้น ถือเป็นสินค้า OTOP ที่สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัด โดยปัจจุบัน ขนมสาลี่มีหลายรสชาติ แต่ถ้าเป็นรสดั้งเดิมแล้วละก็ ต้องเป็น ขนมสาลี่นมสด เลย ซึ่งจะนอกจากจะได้รสสัมผัสของนมสดแล้ว ยังมีกลิ่นนมแมว ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของขนมชนิดนี้อีกด้วย รับรองว่าทำออกมาแล้ว รสชาติเหมือนต้นฉบับแน่นอน

ส่วนผสม

  • แป้งเค้ก 110 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • น้ำตาลทรายชนิดละเอียด 125 กรัม
  • ไข่ไก่ (เบอร์ 1) 2 ฟอง
  • นมสดรสจืดแช่เย็น 65 กรัม
  • กลิ่นนมแมว 2-3 หยด
  • สาร SP 8 กรัม
  • น้ำมะนาว 1/2 ช้อนชา
  • สีผสมอาหารสีแดง 4-5 หยด
  • ลูกเกดสำหรับแต่งหน้าขนม

วิธีทำ

  1. ร่อนแป้งเค้กกับผงฟู ลงในชามผสม จากนั้น ใส่น้ำตาลทรายลงไป คนให้เข้ากัน
  2. เตรียมชามผสมอีก 1 ใบ ตอกไข่ไก่ใส่ชาม ตามด้วยนมสดรสจืด และกลิ่นนมแมว ตีให้เข้ากัน จากนั้น นำไปผสมกับแป้งเค้ก คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
  3. ป้ายสาร SP ที่หัวตะกร้อ หรือ เครื่องดี จากนั้น เปิดสปีดต่ำสุด ตีแป้งเค้กเป็นเวลา 1 นาที
  4. พอครบเวลา ให้ใช้ไม้พายปาดปากโอ่งถึงก้นโอ่ง แล้วเปิดสปีดสูงสุด ตีแป้งเค้กต่อเป็นเวลา 6 นาที
  5. พอครบเวลา ให้ใช้ไม้พายปาดปากโอ่งถึงก้นโอ่ง จากนั้น ใส่น้ำมะนาว สีผสมอาหารสีแดง เสร็จแล้ว เปิดสปีดต่ำสุด ตีแป้งเค้กเป็นเวลา 3 นาที
  6. รองกระดาษไขลงบนถาดอบขนม จากนั้น เทแป้งเค้กลงไป เกลี่ยหน้าให้เรียบ
  7. ต้มน้ำในซึ้งนึ่งให้เดือด ใช้ผ้าขาวบางห่อฝาปิดให้เรียบร้อย กันหยดน้ำหกลงบนหน้าขนม จากนั้น นำขนมสาลี่ไปนึ่งด้วยไฟแรง เป็นเวลา 15 นาที
  8. พอครบเวลา ให้ยกออกจากถาด พักให้เย็น ตัดแบ่งออกเป็นชิ้น ๆ แล้วตกแต่งหน้าขนมด้วยลูกเกด เป็นอันเสร็จ

9. ขนมบุหลันดั้นเมฆ

ขนมนึ่ง

ขนมนึ่ง แบบไทยโบราณ ที่มีมานานตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 จากเหตุการณ์ทรงมีพระสุบิน เห็นดวงจันทร์ลอยออกจากก้อนเมฆ จนกลายเป็นที่มาของบทเพลง บุหลันลอยเลื่อน อันไพเราะ และเป็นแรงบันดาลใจในการประดิษฐ์ เมนูขนมหวานไทยโบราณ ที่ชื่อว่า บุหลันดั้นเมฆ ในเวลาต่อมา  ซึ่งสีสันของขนมนั้น ก็สอดคล้องกับเหตุการณ์ ไม่ว่าจะเป็นส่วนกลางตัวขนมที่ทำจากไข่แดง สื่อถึงดวงจันทร์ที่ส่องสว่างในเวลากลางคืน และส่วนสีฟ้าของตัวขนมก็เปรียบเหมือนสีของก้อนเมฆในยามค่ำคืน ทำให้เป็นขนมไทยที่มีสีสันสวยงามไม่เหมือนใคร

ส่วนผสมแป้งขนม

  • แป้งข้าวเจ้า 110  กรัม
  • แป้งถั่วเขียว 50  กรัม
  • แป้งมันสำปะหลัง 20 กรัม
  • น้ำลอยดอกมะลิ 500 กรัม
  • น้ำตาลทราย 120  กรัม
  • ดอกอัญชัน 10-15 ดอก

ส่วนผสมหน้าไข่แดง

  • ไข่ไก่ใช้แต่ไข่แดง 6  ฟอง
  • น้ำตาลทรายบดละเอียด 30 กรัม
  • น้ำตาลปี๊บ 20 กรัม

วิธีทำ

  1. ตั้งหม้อ เปิดไฟกลาง วอร์มให้กระทะร้อนแล้ว ใส่น้ำลอยดอกมะลิลงไป ตามด้วยน้ำตาลทราย คนให้น้ำตาลทรายละลายเข้ากัน
  2. นำดอกอัญชัน มาเด็ดก้านเขียวออก จากนั้น จุ่มกับน้ำร้อนเล็กน้อย เพื่อดึงให้สีของดอกอัญชันออกมา เสร็จแล้ว นำไปใส่ในหม้อต้มน้ำเชื่อมที่มีน้ำร้อนจัด คนไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำเชื่อมจะเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำเงิน
  3. เตรียมชามผสม ใส่แป้งข้าวเจ้า แป้งถั่วเขียว แป้งมัน จากนั้น ค่อย ๆ เติมน้ำเชื่อมดอกอัญชันลงไป นวดผสมให้เข้ากัน จนกว่าเม็ดแป้งจะละลายดี ไม่ติดกันเป็นเม็ด และเป็นแป้งเหลวที่มีลักษณะข้นกำลังดี
  4. นำถ้วยตะไลที่จะจัดเสิร์ฟ ไปนึ่งในซึ้งนึ่งเตรียมไว้ พอร้อนได้ที่แล้ว ให้หยอดแป้งเหลวลงไป ให้เต็มถ้วย ใช้เวลานึ่ง 2 – 3 นาที ระหว่างนี้ ให้ตอกไข่ไก่ แยกเอาเฉพาะไข่แดง ใส่ลงในชามผสม จากนั้น ใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย คนส่วนผสมทุกอย่างให้ละลายเข้ากัน เพื่อทำตัวหน้าไข่แดง
  5. พอครบเวลาแล้ว ให้นำถ้วยตะไลออกมา เทน้ำแป้งที่ยังไม่แห้งออก จากนั้น หยอดเอาไข่แดงลงไปในรูตรงกลาง เสร็จแล้ว นึ่งต่อด้วยไฟแรงอีก 5 – 10 นาที เป็นอันเสร็จ

10. ข้าวต้มมัด

ขนม

ข้าวต้มมัด สูตรนี้ ถือว่าเป็นสูตรดั้งเดิม และ สูตรโบราณของการทำข้าวต้มมัดเลยก็ว่าได้ ด้วยการสอดไส้กล้วยไว้ตรงกลาง และ โปะด้วยถั่วดำไว้ด้านบน เสร็จแล้ว จึงนำไปนึ่งจนสุก ทำให้เป็น ขนมนึ่ง ที่มีรสชาติอร่อย และ เป็นที่นิยมมของคนทุกยุคสมัย ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ส่วนผสม

  • กล้วยน้ำว้าสุก 1 หวี
  • ข้าวเหนียว 500 กรัม
  • หัวกะทิ 400 กรัม
  • ถั่วดำ 50 กรัม
  • น้ำตาลทราย 175 กรัม
  • เกลือ 9 กรัม (1 2/3 ช้อนชา)

อุปกรณ์

  • ใบตอง
  • ตอกไม้ไผ่
  • ซึ้งนึ่ง

วิธีทำ

  1. นำถั่วดำไปแช่น้ำ แล้วทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้น นำมาต้มในน้ำเดือด จนกว่าจะสุกนิ่ม ใช้เวลา 20 นาที
  2. แช่ข้าวเหนียวในน้ำ ประมาณ 3 ชั่วโมง จากนั้น นำมาสะเด็ดน้ำ แล้วเทใส่ลงในกระทะ
  3. ใส่หัวกะทิ และเกลือลงไป เปิดไฟกลาง ผัดข้าวเหนียวให้กะทิงวดและแห้งลง ให้เคลือบข้าวเหนียวจนทั่ว
  4. พอกะทิงวดลง จนเคลือบข้าวเหนียวเหนียวทั้งหมดแล้ว ให้ใส่น้ำตาลทรายลงไป ผัดให้น้ำตาลทรายละลายเข้ากัน พอเข้ากันดีแล้ว ให้ปิดไฟ พักทิ้งไว้ ให้เย็นตัวลง
  5. เริ่มห่อข้าวต้มมัด โดยให้เตรียมแผ่นใบตองมารองไว้ ในลักษณะหันมุมแหลมเข้าหาตัว ตักถั่วดำเล็กน้อยมาวาง ตามด้วยข้าวเหนียว กล้วยผ่าครึ่งชิ้นวางหงาย และข้าวเหนียว ซ้อนไว้ด้านบน จากนั้น จับปลายแหลมของใบตอง ด้านที่หันเข้าหาตัว ม้วนเข้าหากัน ห่อข้าวเหนียวให้แน่น เสร็จแล้ว ให้จับปลายสองข้างพับเข้าหากัน แล้วมัดด้วยตอกไม้ไผ่ให้เรียบร้อย
  6. นำข้าวต้มมัดไปนึ่ง หรือ ต้มด้วยน้ำเดือด ก็ได้ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง – 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นอันเสร็จ

11. สาคูไส้หมู

ขนมนึ่ง

สาคูไส้หมู อาจจะไม่ใช่ ขนมนึ่ง เชิงขนมหวานไทยเสียทีเดียว แต่ก็ถือเป็นของทานเล่น ที่อร่อยมาก ๆ เหมาะกับการทำขาย เพื่อสร้างรายได้สุด ๆ ซึ่งด้วยเนื้อสัมผัสที่นุ่มหนุบหนับจากแป้งสาคู สอดไส้ด้วยไส้หมูที่ผัดกับไชโป๊และถั่วลิสง จนมีรสเค็มอร่อย ทำให้ใครต่อใครเมื่อได้ทาน ต่างก็ต้องหลงรักเมนูนี้แทบทุกคน

ส่วนผสม

  • สาคูเม็ดเล็ก 200 กรัม
  • หมูบด 150 กรัม
  • ไชโป๊หวาน 150 กรัม
  • ถั่วลิสงคั่ว 100 กรัม
  • หอมแดง 80 กรัม
  • กระเทียม 30 กรัม
  • พริกไทยเม็ด 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • รากผักชี 15 กรัม
  • น้ำตาลปี๊บ 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
  • ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. เตรียมครกกับสาก ใส่พริกไทยเม็ดลงไป บดให้ละเอียด ตามด้วยกระเทียม รากผักชี โขลกให้ละเอียดเข้ากัน
  2. นำหอมแดงและกระเทียมอีกส่วนหนึ่งมาสับให้ละเอียด ใช้มีดหรือเครื่องปั่นก็ได้ จากนั้น ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป ใส่กระเทียมลงไป เจียวให้มีสีเหลืองทอง เสร็จแล้ว ตักขึ้นพักไว้
  3. เปิดไฟกลางค่อนไฟอ่อน ใส่พริกไทย กระเทียม รากผักชี ที่โขลกไว้ลงไป ผัดให้มีกลิ่นหอม จากนั้น ใส่เนื้อหมูลงไป รวนให้เนื้อหมูสุก เสร็จแล้ว ใส่หอมแดง ไชโป๊หวาน ลงไป ผัดให้เข้ากัน
  4. ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ ซีอิ๊วขาว ผัดให้น้ำตาลละลายเข้ากัน พอได้รสชาติที่ต้องการแล้ว ให้ใส่ถั่วลิสงคั่วลงไป คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ตักขึ้นพักไว้
  5. ใส่สาคูเม็ดเล็กลงในกระชอน ร่อนเอาผงแป้งที่ยังคงติดอยู่กับเม็ดสาคูออกให้หมด จากนั้น เตรียมชามผสมใส่น้ำสะอาด เทเม็ดสาคูลงไป แช่น้ำทิ้งไว้ 15 นาที ระหว่างรอเม็ดสาคูอิ่มน้ำ ให้นำไส้สาคู มาปั้นเป็นก้อนเล็ก ๆ เตรียมไว้
  6. พอครบเวลา ให้เทกรองเอาน้ำแช่เม็ดสาคูออก เตรียมซึ้งนึ่งรองด้วยใบตองทาน้ำมัน กันแป้งเม็ดสาคูติดให้เรียบร้อย จากนั้น ใช้มือหยิบเอาแป้งเม็ดสาคูขึ้นมา ปั้นให้เป็นแผ่น เสร็จแล้ว นำเอาไส้สาคูมาวางไว้ตรงกลาง ห่อแป้งเม็ดสาคูให้เป็นทรงกลมให้เรียบร้อย วางลงในซึ้งนึ่ง ทำอย่างนี้จนกว่าจะได้ปริมาณสาคูตามที่ต้องการ
  7. ต้มน้ำในซึ้งนึ่งให้เดือด จากนั้น นำเอาสาคูไปนึ่ง ด้วยไฟแรง 3 – 4 นาที พอครบเวลา ให้ยกออกมา ใช้แปรงจุ่มน้ำมันทาลงบนสาคู เพื่อกันแป้งสาคูแต่ละลูกติดกัน
  8. จัดจาน เสิร์ฟพร้อมผักกาดหอม พริกขี้หนูสวน โรยด้วยกระเทียมเจียว เป็นอันเสร็จ

12. เค้กฟักทองนึ่ง

ขนม

เค้กฟักทอง เป็น ขนมนึ่ง อีกหนึ่งอย่างที่ไม่ควรพลาด เพราะจะได้รสหวานจากธรรมชาติ โดยไม่ต้องใส่น้ำตาลเพิ่มเลย เหมาะกับคนที่ชอบทานเค้ก แต่อยากลดน้ำหนัก

ส่วนผสม

  • ฟักทองบด 400 กรัม
  • งาขาว งาดำ (ตามชอบ)
  • ข้าวโอ๊ตบดละเอียด 50 กรัม
  • ผงฟู 1/2 ช้อนชา
  • ไข่ขาว 2 ฟอง
  • ไข่แดง

อุปกรณ์

  • ซึ้งนึ่ง
  • ถ้วยอลูมิเนียม
  • กระดาษฟอยล์

วิธีทำ

  1. ใช้ช้อนบดฟักทองให้ละเอียด ใส่ไข่แดงผสมให้เข้ากัน ตามด้วย งาขาว งาดำ ข้าวโอ๊ตบดละเอียด
    ผสมให้เข้ากัน เสร็จแล้ว ใส่ผงฟูตามลงไป
  2. นำไข่ขาวแช่เย็นประมาณ 30 นาที หลังจากนั้น นำมาตีให้เนียนขึ้นฟู จากนั้น ผสมกับฟักทองที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน
  3. เตรียมซึ้ง ตั้งหม้อให้ร้อน นำถ้วยอลูมิเนียมไปนึ่งให้ร้อนก่อน พอสุกแล้ว เนื้อเค้กจะได้ไม่ติดถ้วย จากนั้น นำฟักทองที่เตรียมไว้ใส่ถ้วย โรยหน้าให้สวยงามด้วยธัญพืชตามชอบ เสร็จแล้ว นำกระดาษฟอยล์มาห่อเพื่อไม่ให้น้ำหยดใส่เค้ก
  4. นำเค้กฟักทองนึ่งในซึ้งด้วยไฟกลาง ใช้เวลา 30 นาที จากนั้น ยกออกพักให้เย็น พร้อมเสิร์ฟ

13. ฟักทองสังขยา

ขนมนึ่ง

ของหวานจากฟักทอง สุดครีเอท ที่มาพร้อมกับความสวยงามและรสชาติที่อร่อย ใครอยากทำ ขนมนึ่ง จาก ฟักทอง แบบใหม่ ๆ ห้ามพลาด

ส่วนผสม

  • ฟักทองแก่ 1 ลูก
  • ไข่ไก่ เบอร์1 4 ฟอง
  • หัวกะทิ 130 มิลลิลิตร
  • น้ำตาลมะพร้าว 250 กรัม (ปรับเพิ่มได้ตามชอบ)
  • เกลือ 1/2 ช้อนชา
  • ใบเตย 5 ใบ

วิธีทำ

  1. ใช้มีดเจาะตรงกลางฟักทอง ให้เป็นรูปสี่เหลี่ยม จากนั้น ดึงขั้วฟักทองออกมา คว้านเอาเมล็ดฟักทองด้านในออกให้เกลี้ยง เสร็จแล้ว นำไปล้างน้ำให้สะอาด ใช้แปรงขัด เพื่อให้เปลือกฟักทองด้านนอก สะอาดมากขึ้น
  2. เตรียมชามผสม ตอกไข่ไก่ 3 ฟอง ลงไป ตามด้วย เกลือ น้ำตาลมะพร้าว หัวกะทิ จากนั้น ใช้มือฉีกใบเตยให้แยกออกจากกัน ขยำส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน จนกว่าน้ำตาลมะพร้าวจะละลายเข้ากันดีกับหัวกะทิ
  3. พอเข้ากันดีแล้ว ให้นำใบเตยออก นำส่วนผสมไปกรองผ่านกระชอน เพื่อให้ได้สังขยา เนื้อเนียนละเอียด
  4. หาชามมารองฟักทอง เพื่อเตรียมนำเข้าไปนึ่ง นำสังขยามาเทผ่านกระชอนอีกรอบ ลงไปในฟักทอง
  5. ตั้งซึ้ง ต้มน้ำให้เดือด พอเดือดดีแล้ว ให้ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน นำฟักทองไปนึ่งในซึ้ง เป็นเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยทุก ๆ 15 นาที ต้องเปิดฝาออกพักหนึ่ง เพื่อระบายความร้อนออก ลูกฟักทองจะได้ไม่แตก
  6. พอครบเวลา ให้ยกฟักทองออกมา พักทิ้งไว้ให้เย็น วิธีเช็กสังขยาด้านในว่าสุกหรือยัง ให้ใช้ไม้จิ้มลงไป ถ้าไม่มีน้ำติดขึ้นมาแสดงว่าสุกได้ที่แล้ว พอเย็นลงดีแล้ว ให้ตัดเป็นชิ้น ๆ รับประทานได้ เป็นอันเสร็จ

14. คัพเค้กช็อกโกแลตนึ่ง

ขนมนึ่ง

คัพเค้กแบบตะวันตก ไม่ต้องใช้เตาอบเสมอไป  เพียงแค่ผสมแป้งเค้กให้เสร็จเรียบร้อย แล้วนำไปนึ่ง เพียงเท่านี้ก็จะได้คัพเค้กที่นุ่มฟู อร่อย ไม่แพ้ใช้เตาอบเช่นดัน โดยสูตรนี้เป็นสูตร คัพเค้กช็อกโกแลตนึ่ง รับรองว่า จะได้รสชาติของช็อกโกแลตเต็ม ๆ คำแน่นอน

ส่วนผสม (สำหรับ 2 ชิ้น)

  • แป้งข้าวเจ้า 35 กรัม
  • น้ำตาลทราย 25 กรัม
  • ผงฟู ½ ช้อนชา
  • ผงโกโก้ 15 กรัม
  • นมสด (ในสูตรใช้นมอัลมอนด์) 65 กรัม
  • กลิ่นวานิลลา ½ ช้อนชา
  • ช็อกโกแลตชิพ จะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ 15 กรัม

วิธีทำ

  1. นำแป้ง น้ำตาลทราย ผงฟู และผงโกโก้ใส่ลงในชามผสม คนให้เข้ากัน เติมนม กับกลิ่นวานิลลา คนผสมให้เข้ากันดี อย่าให้มีก้อนแป้งเหลืออยู่ ใส่ช็อกโกแลตชิพ 2/3 ส่วน ผสมให้เข้ากัน
  2. เทส่วนผสมแป้งใส่ในพิมพ์ ประมาณ 2/3 ส่วน แต่งหน้าด้วยช็อกโกแลตชิพก่อนนำไปนึ่ง
  3. ตั้งหม้อ เติมน้ำเปล่าพอท่วมก้นพิมพ์ ใช้ไฟกลางต้มจนน้ำเริ่มร้อน ใส่พิมพ์เค้กลงไปนึ่งในหม้อด้วยความร้อนปานกลาง ประมาณ 10-12 นาที หรือจนสุก นำออกมา จัดใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

15. คัพเค้กกาแฟนึ่ง

ขนม

ปิดท้ายกับ คัพเค้กอีกหนึ่งสูตร ที่จะทำให้คุณตาสว่างทั้งวันกับ คัพเค้กกาแฟนึ่ง ซึ่งนอกจากจะได้กลิ่นหอมของกาแฟผสมนมสดแล้ว ยังได้สัมผัสเนื้อแป้งนุ่ม ๆ กินกับเครื่องดื่มอะไรก็อร่อย

ส่วนผสม

  • ผงกาแฟ 2 ช้อนโต๊ะ
  • นมจืด อุณหภูมิห้อง 60 มิลลิกรัม
  • น้ำมันรำข้าว 20 มิลลิกรัม
  • น้ำตาลทราย 120 กรัม
  • ผงฟู 1+½ ช้อนชา
  • เบกกิ้งโซดา ¼ ช้อนชา
  • แป้งสาลี ตราว่าว 60 กรัม
  • แป้งเค้ก ตรามงกุฎม่วง 60 กรัม

วิธีทำ

  1. ละลายผงกาแฟในนมสดรสจืด คนจนผงกาแฟละลาย เตรียมไว้
  2. ตอกไข่ไก่ใส่ชาม เติมน้ำตาลทราย คนจนน้ำตาลละลาย เติมน้ำมันรำข้าว คนจนเข้ากัน ใส่น้ำกาแฟลงไป คนผสมให้เข้ากัน พักไว้
  3. ร่อนแป้งกับผงฟูลงในอ่างผสม 1 รอบ เทส่วนผสมกาแฟลงไป โดยทยอยผสมคนให้เข้ากัน คนพอแป้งละลาย พักแป้งไว้ประมาณ 30 นาที หรือจนแป้งเริ่มฟู
  4. เมื่อพักแป้งครบตามเวลาให้คนไล่ฟองอากาศ จากนั้น ตักใส่พิมพ์คัพเค้กที่รองด้วยถ้วยกระดาษประมาณ 2/3 ส่วน นำไปนึ่งหลังน้ำเดือด ใช้ไฟปานกลางนึ่ง ประมาณ 15-20 นาที หรือจนขนมสุก พร้อมเสิร์ฟ

ขนมนึ่ง ถือเป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากทำขนมหวาน แต่ไม่มีเตาอบ ซึ่งถ้าหากใครสนใจอยากจะทำขนมนึ่งแล้วละก็ สามารถลองทำตาม 15 สูตรขนมนึ่งที่ SGE นำมาฝากกันได้เลย รับรองว่าทำได้เอง ไม่ยาก ทานเองก็อร่อย ทำขายก็ขายดีแน่นอน

สำหรับใครที่อยากจะนวดแป้งขนม สำหรับทำขนมต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็น ขนมเข่ง ขนมเทียน ขนมปุยฝ้าย ขนมสาลี่ คัพเค้กรสชาติต่าง ๆ แนะนำให้ใช้ เครื่องตีแป้งของ SGE มีหัวตี 3 แบบ ช่วยให้คุณสามารถผสมแป้งขนมได้แบบง่ายดาย ทำขนมนึ่ง รวมถึงเค้กและเบเกอรี่อื่น ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ราคาเริ่มต้นที่หลักร้อยเท่านั้น หากสนใจคลิกดูเพิ่มเติมได้ที่ https://www.sgethai.com/stand-mixer/


⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

19 เมษายน 2024

โดย

Pres

ความคิดเห็น (Comments)

guest
0 Comments
โหวตสูงสุด
ใหม่สุด เก่าสุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด