Coffee type 2021

2,926 Views

คัดลอกลิงก์

ประเภทกาแฟ มีกี่แบบ อะไรบ้าง สั่งยังไงให้ได้รสชาติตามที่ต้องการ

ประเภทกาแฟ มีหลายแบบมาก หลายคนคงมีโมเม้นท์ยืนงงในร้านกาแฟ เพราะไม่รู้จะสั่งกาแฟอะไรดี เนื่องจากไม่รู้ว่า กาแฟชื่อนั้นชื่อนี้ หน้าตาแบบไหน เป็นยังไง แต่ละแบบมีส่วนผสมอะไรบ้าง และมีรสชาติแตกต่างกันอย่างไร ยังไม่นับรวมเรื่องที่ว่า ควรสั่งร้อนหรือเย็น กว่าจะสั่งได้แต่ละที ก็รู้สึกเกรงใจพนักงาน ทั้งที่ตัวเองเป็นลูกค้าเดินเข้ามาซื้อแท้ๆ …

ปัญหานี้จะหมดไป เพราะ SGE จะแนะนำ ประเภทกาแฟ ต่าง ๆ ให้คุณรู้จัก ว่ามีกี่แบบ อะไรบ้าง พร้อมรสชาติแบบจัดเต็ม แม้กระทั่งว่า ควรสั่งแบบร้อนหรือเย็น ด้วย เพื่อให้เข้าร้านกาแฟคราวหน้า คุณจะได้สั่งกาแฟแบบฉับไว พร้อมได้ดื่มรสชาติตามที่ต้องการ

เอสเปรสโซ่ (Espresso)

ประเภทกาแฟ

ใครอยากดื่มกาแฟรสเข้มข้น แนะนำให้สั่ง กาแฟเอสเปรสโซ่ เพราะทำจากเมล็ดกาแฟล้วน ๆ นำไปบดละเอียด แล้วใช้แรงดันจากน้ำที่กำลังเดือด พุ่งผ่านเมล็ดกาแฟอย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์ก็จะได้เป็นน้ำกาแฟดำชนิดเข้มข้นแท้ ๆ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งคำว่า เอสเปรสโซ่ ก็มาจากภาษาอิตาลี อ่านว่า Caffè Espresso (คัฟเฟ่ เอสเปรสโซ่) ตั้งชื่อตรงตัวตามวิธีการทำ แปลว่า “กาแฟที่ถูกดันออกมา”

โดยปกติแล้ว กาแฟเอสเปรสโซ่ หากดื่มแบบออริจินัล จะไม่มีส่วนประกอบอื่นผสมเลย จึงเหมาะมากกับคนที่ชอบกาแฟดำ และกินแบบร้อน มักเสิร์ฟแบบช็อตในแก้วเล็ก ๆ เพื่อให้ได้รสชาติเข้มข้นที่สุด แต่สำหรับในประเทศไทยแล้วจะมีการทำแบบเย็น และเพิ่มส่วนผสมอื่น  ๆ ลงไปด้วย เช่น นมข้นหวาน นมข้นจืด นมสด ทั้งนี้ ก็เพื่อให้คนไทยกินง่ายนั่นเอง

ดังนั้น หากใครอยากลิ้มรสชาติกาแฟแบบเข้มข้น และด้วยวิธีการดั้งเดิมแล้วละก็ แนะนำให้กินแบบร้อนในช็อตแก้วเล็ก ๆ แต่หากกลัวว่าจะเข้มข้นจนดื่มไม่ได้ ก็แนะนำให้เริ่มจากแบบเย็นก่อน

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

คาปูชิโน่ (Cappuccino)

Coffee type 2021-1

คาปูชิโน่ เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งหัดดื่มกาแฟ หรือ คนชอบกาแฟที่มีรสชาติไม่เข้มข้นมากนัก ด้วยส่วนประกอบหลักคือ กาแฟเอสเปรสโซ ผสมกับนมสด เติมฟองนมอยู่ด้านบน ก็จะได้รสชาติของกาแฟแบบลงตัว ไม่เข้มแต่ก็ไม่อ่อนจนเกินไป ดื่มง่าย กำลังดี

โดยที่มาของ คาปูชิโน่ นั้น มีต้นกำเนิดจากอิตาลี ปกติแล้ว ชาวอิตาลีมักจะดื่มคาปูชิโนคู่กับขนมปังในมื้อเช้า หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นบิสกิตหรือคุกกี้ก็ได้เช่นกัน นับว่าเป็นกาแฟที่สามารถดื่มไปกินไปได้ เหมาะสำหรับคนที่ชอบดื่มกาแฟในทุกเวลา ทั้งนี้ สามารถเลือกดื่มได้ทั้งแบบร้อนและเย็น ขึ้นอยู่กับว่าคุณอยากดื่มแบบไหน เพราะมันอร่อยทั้ง 2 แบบเลยล่ะ

มอคค่า (Mocha)

Coffee type 2021-2

สำหรับคนที่อยากดื่มกาแฟ แต่ก็มีส่วนผสมของช็อคโกแลต แนะนำให้สั่ง มอคค่า เลย เพราะกาแฟชนิดนี้ มีส่วนประกอบคือ เอสเพรสโซ่ 1/3 ส่วน นมร้อน 2/3 ส่วน เพิ่มด้วยช็อคโกแลตลงไป ทำให้ได้รสชาติเข้มข้น กำลังดี มีความหวานนิด ๆ ผสมอยู่ จึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการดื่มกาแฟแบบมีรสหวานแตะอยู่ที่ปลายลิ้น

โดยต้นกำเนิดของกาแฟชนิดนี้ อาจย้อนไปถึงศตวรรษที่ 18 ในประเทศอิตาลีเลยทีเดียว เดิมเรียกันว่า บาวาเรเชีย (Bavaresia) มีส่วนผสมของกาแฟ ช็อคโกแลต และครีม เป็นที่นิยมกันมากในตูริน ก่อนจะพัฒนามาเป็นสูตรในปัจจุบัน และเปลี่ยนมาเรียกชื่อว่า มอคค่า ตามชื่อเมืองมอคค่า (Mocha) เมืองท่าในประเทศเยเมน ซึ่งเคยเป็นศูนย์กลางการค้าเมล็ดกาแฟในอดีต สำหรับการเลือกดื่ม ปกติแล้ว คนทั่วไปนิยมดื่มมอคค่าแบบร้อน แต่ถ้าดื่มแบบเย็นก็ได้เหมือนกัน

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

เครื่องซีลสูญญากาศ จาก SGE การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ลาเต้ (Latte)

Coffee type 2021-3

ชื่อนี้ ใคร ๆ ก็รู้จักแน่นอน สำหรับ ลาเต้ เพราะถือเป็นกาแฟยอดนิยมที่ใคร ๆ ก็ชอบดื่ม ด้วยส่วนผสมของกาแฟและนม ทำให้ดื่มง่ายสุด ๆ  เหมาะสำหรับคนที่เพิ่งเริ่มดื่ม หรือ คอกาแฟตัวยง นอกจากนี้ ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือ ลาเต้อาร์ต ซึ่งทำโดยการเทเอสเปรสโซ ตามด้วยนมร้อนลงไปแล้วตกแต่งหน้าตา เป็นลวดลายศิลปะที่หลากหลายอย่างรวดเร็ว ทำให้นอกจากได้ดื่มด่ำกับรสชาติแล้ว ยังเอาไว้ถ่ายรูปออกมาสวย ๆ ไว้อวดโซเชี่ยลด้วย จึงถือเป็นเครื่องดื่มยอดนิยมของคนดื่มกาแฟเลยก็ว่าได้

โดยถึงแม้กาแฟผสมนมนั้น จะถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 และมีการเรียกชื่อกาแฟชนิดนี้ว่า กาแฟลาเต้ (Caffè e latte) เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 18 แต่ ลาเต้ แบบที่เราเห็นกัน ซึ่งมี ลาเต้อาร์ต อยู่ด้านบนนั้น เพิ่งมาคิดค้นกันขึ้นเมื่อทษวรรษที่ 1950 เท่านั้น ในเบิร์คลี่ย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะโด่งดังในช่วงค.ศ.1980 จนถึงปัจจุบัน และด้วยคำว่า “ลาเต้” เป็นภาษาอิตาลีที่แปลว่า นม ทำให้เมื่อนำนมไปผสมเครื่องดื่มชนิดใด ก็มักจะพ่วงคำว่า ลาเต้ (Latte) ต่อท้ายเสมอ เช่น มัทฉะลาเต้ (Matcha Latte) ก็คือชาเขียวใส่นม เป็นต้น

สำหรับใครก็ตามที่งุนงงว่า  ลาเต้มัคคิอาโต้ ต่างกับลาเต้ ธรรมดาอย่างไร คำตอบก็คือต่างกันตรงวิธีการทำโดยลาเต้มัคคิอาโต้ จะทำโดยการเทฟองนมใส่แก้วก่อน จากนั้น จึงเทเอสเปรสโซ่ตามลงไป ตกแต่งด้านบนด้วยวิปครีม เมื่อมองดูก็จะเห็นว่าชั้นของฟองนมและกาแฟแยกออกจากกันอย่างชัดเจน ไม่เหมือนกับลาเต้ ที่เทเอสเปรสโซ่ก่อน ตามด้วยนม และเมื่อเสร็จแล้ว กาแฟกับนมจะผสมกัน

รู้อย่างนี้แล้ว หากใครอยากจะสั่งลาเต้เพื่อมาถ่ายรูปสวย ๆ แล้วละก็ แนะนำให้สั่ง ลาเต้ร้อน เพราะลาเต้อาร์ต จะทำได้เฉพาะในกาแฟร้อนเท่านั้น แต่ถ้าไม่สนใจ ขอแค่ได้กินกาแฟผสมนมเป็นพอ ก็สั่งแบบเย็นได้เลย และถ้าสั่งลาเต้มัคคิอาโต้ ก็อย่าลืมล่ะ ว่าหน้าตาไม่เหมือนกับ ลาเต้ ปกตินะ

อเมริกาโน่ (Americano)

อเมริกาโน่

หากใครสงสัยว่า กาแฟชนิดนี้ มีที่มาจากคนอเมริกันรึเปล่า คำตอบก็คือ คิดถูกแล้ว เพราะเชื่อกันว่ามีที่มาจากในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยขณะที่ทหารอเมริกันประจำอยู่ในอิตาลี เมื่อได้ดื่มเอสเปรสโซ่แล้วพบว่า ขมเกินไป พวกเขาจึงเติมน้ำร้อนลงไปมากขึ้นเพื่อเจือจางมันลง ทำให้กาแฟอเมริกันโน่เกิดขึ้น

โดยส่วนผสมของกาแฟแบบอเมริกันโน่ ก็คือ เอสเปรสโซ่กับน้ำร้อนใน อัตราส่วน 1:1 ซึ่งก็ถือว่าเป็นกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้นรองจากเอสเปรสโซ่ ดังนั้น หากใครอยากดื่มเอสเปรสโซ่ แต่กลัวว่าจะเข้มเกินไป ลองไต่ระดับจากอเมริกันโน่ ดูก่อนก็ได้ จะได้ไม่ขมจนเข็ดขยาดเกินไป ซึ่งแค่นี้ก็สามารถทำให้รู้สึกกะปรี้กะเปร่า ลุยงานได้ทั้งวันแล้ว โดยกาแฟชนิดนี้ ควรกินแบบร้อนเท่านั้น

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ถุงซีลสูญญากาศ

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🥺🙏🏻

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ดื่มกาแฟร้อนหรือเย็นดีกว่ากัน?

เมื่อพูดถึงกาแฟว่า ควรกินแบบร้อนหรือเย็น อาจจะตัดสินไปในทางใดทางหนึ่งเลยก็คงไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับรสนิยมส่วนตัวด้วย บวกกับอากาศบ้านเราร้อนอบอ้าวมาก การจะดื่มกาแฟแบบร้อนเพียงอย่างเดียวก็คงทำไม่ได้ ต้องมีดื่มกาแฟแบบเย็นเพื่อช่วยคลายร้อนบ้าง

ซึ่งถ้าอ้างอิงจากงานวิจับ พบว่า กินกาแฟแบบร้อน ดีที่สุด เพราะกาแฟร้อนจะมีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่ากาแฟเย็น ซึ่งสารอนุมูลอิสระจะช่วยในเรื่องของการชะลอความเสื่อมของเชลล์ต่าง  ๆ ทำให้ผิวดูอ่อนกว่าวัย ช่วยป้องกันและลดภูมิแพ้ นอกจากนี้ ยังช่วยลดอัตราเสี่ยงการเกิดมะเร็ง  โรคหัวใจ โรคตับ ได้อีกด้วย

ดังนั้น หากจะบอกว่า เพื่อประโยชน์ของร่างกาย การกินกาแฟร้อนอาจจะดีกว่าการกินกาแฟเย็นจริง ๆ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็แล้วแต่รสนิยมของแต่ละคน และสถานการณ์ที่อยากจะดื่ม ณ ตอนนั้น เอาเป็นว่าชอบดื่มแบบไหน ก็เลือกตามความพอใจของตนเองเป็นหลักก็แล้วกัน

ได้รู้ทั้ง ประเภทกาแฟ ที่มาที่ไป ส่วนผสม และหลักการเลือกดื่มแบบร้อนหรือเย็น แบบจัดหนักจัดเต็มกันไปแล้ว คงอยากดื่มกาแฟกันเต็มทีแล้วใช่มั้ยล่ะ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ออกไปเลือกซื้อกันได้เลย หวังว่าจะได้ดื่มด่ำกับรสชาติของกาแฟกันมากขึ้น แล้วมาบอกกันด้วย 1 ใน 5 ประเภทกาแฟ นี้ อะไรคือกาแฟแก้วโปรดของคุณ

9 สิงหาคม 2021

โดย

Pres

ความคิดเห็น (Comments)

Leave A Comment