แกงฟักทอง-008

3,097 Views

คัดลอกลิงก์

6 สูตร แกงฟักทอง เข้มข้นกลมกล่อม อร่อยดีต่อสุขภาพ

แกงฟักทอง ทำยังไงให้เข้มข้นกลมกล่อม อร่อยดีต่อสุขภาพ SGE รวมมาให้แล้ว 5 สูตรด้วยกัน ทั้งแกงเผ็ด แกงเลียง แกงบวด ฯลฯ รับรองว่า ทำได้ง่าย ๆ ไม่ยาก อร่อยทุกสูตรแน่นอน

1. แกงฟักทอง ไก่

แกงฟักทอง

หากใครไม่ชอบแกงเผ็ดหน่อไม้ไก่ สามารถใส่ฟักทอง ทำเป็น แกงฟักทองไก่ แทนได้ หวานอร่อย ได้รสชาติไปอีกแบบ แถมยังได้ประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย

ส่วนผสม

  • ฟักทอง 1/2 ลูก
  • ไก่ 500 กรัม
  • พริกแกงเผ็ด 3 ช้อนโต๊ะ
  • กะปิ 1 ½ ช้อนโต๊ะ
  • กะทิกล่อง 500 กรัม
  • ใบโหระพา / พริกชี้ฟ้า ตามชอบ
  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลมะพร้าว 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำเปล่า 1 แก้ว

วิธีทำ

  1. ใช้มีดหั่นฟักทองเป็นชิ้น ๆ แล้วคว้านเอาเมล็ดออกให้เรียบร้อย พร้อมกับหั่นเนื้อไก่เป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
  2. ตั้งหม้อ เปิดไฟกลาง ใส่กะทิผสมกับน้ำเปล่า ทำเป็นหางกะทิ เสร็จแล้ว ใส่พริกแกงเผ็ด กะปิ ลงไป คนให้ละลายเข้ากัน แล้วผัดต่อไป จนมีกลิ่นหอม
  3. ใส่เนื้อไก่ลงไป แล้วเปิดไฟแรง ผัดให้เนื้อไก่เริ่มสุก จากนั้น ใส่ฟักทอง ผัดให้เข้ากัน
  4. เติมกะทิผสมกับน้ำเปล่าลงไปให้หม้อ (เหลือกะทิไว้ครึ่งหนึ่ง สำรับทำเป็นหัวกะทิ) ต้มต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำจะเดือด
  5. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว คนให้น้ำตาลละลายเข้ากัน ต้มต่อไปเรื่อย ๆ รอจนกว่าฟักทองจะสุกและนิ่มลง
  6. เติมหัวกะทิที่เหลือลงไป แล้วใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดง ตามชอบ คนทุกอย่างให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ

2. แกงฟักทองใส่หมูสามชั้น

แกงฟักทอง

แกงเผ็ดฟักทอง สามารถประยุกต์ใส่เนื้อสัตว์ได้หลายชนิด ซึ่งถ้าหากใครชอบทานหมูสามชั้นแล้วละก็ สามารถใส่ได้เลย หรือ จะใส่ส่วนอื่น ๆ ของหมูก็ได้ ไม่ว่าจะเนื้อสันคอ ซี่โครงหมู กระดูกหรืออ่อนหมู ก็ได้เหมือนกัน

ส่วนผสม

  • หมูสามชั้น 250 กรัม
  • ฟักทอง 500 กรัม
  • กะทิ 750 มิลลิลิตร
  • พริกแกงเผ็ด 100 กรัม
  • ใบโหระพา 1 ถ้วย
  • ใบมะกรูดฉีก 5 ใบ
  • พริกชี้ฟ้าแดง 2 เม็ด
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำตาลปี๊บ ½ ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. ใช้มีดหั่นฟักทองเป็นชิ้น ๆ แล้วคว้านเอาเมล็ดออกให้เรียบร้อย พร้อมกับหั่นเนื้อหมูสามชั้นเป็นชิ้น ๆ เตรียมไว้
  2. ตั้งหม้อ เปิดไฟกลาง ใส่กะทิผสมกับน้ำเปล่า ทำเป็นหางกะทิ เสร็จแล้ว ใส่พริกแกงเผ็ดลงไป คนให้ละลายเข้ากัน แล้วผัดต่อไป จนมีกลิ่นหอม
  3. ใส่เนื้อหมูสามชั้นลงไป แล้วเปิดไฟแรง ผัดให้เนื้อหมูเริ่มสุก จากนั้น ใส่ฟักทอง ผัดให้เข้ากัน
  4. เติมกะทิผสมกับน้ำเปล่าลงไปให้หม้อ (เหลือกะทิไว้ครึ่งหนึ่ง สำรับทำเป็นหัวกะทิ) ต้มต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าน้ำจะเดือด
  5. ปรุงรสด้วย น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ คนให้น้ำตาลละลายเข้ากัน จากนั้น ต้มต่อไปเรื่อย ๆ รอจนกว่าฟักทองจะสุกและนิ่มลง
  6. เติมหัวกะทิที่เหลือลงไป แล้วใส่ใบโหระพา พริกชี้ฟ้าแดง ใบมะกรูด ตามชอบ คนทุกอย่างให้เข้ากัน เป็นอันเสร็จ

3. แกงเลียงใส่ฟักทอง

แกงฟักทอง

แกงเลียง เป็นแกงพื้นบ้านของไทย นิยมใส่ผักทุกชนิดลงไปเป็นส่วนผสม สำหรับสูตรนี้ นอกจากจะใส่ฟักทองแล้ว ยังใส่บวบเหลี่ยม เห็ดออรินจิ เห็ดหลินขาว เห็ดฟาง ใบแมงลัก ข้าวโพดหวาน และ กุ้งสด เป็นส่วนผสมหลักอีกด้วย รับรองว่า นอกจากน้ำแกงจะเข้มข้นแล้ว ยังได้ไฟเบอร์และสารอาหารต่าง ๆ อย่างเต็มที่อีกด้วย

ส่วนผสมพริกแกง

  • กุ้ง 150 กรัม
  • หอมแดง 50 กรัม
  • กระชาย 50 กรัม
  • พริกไทยเม็ด 1 ช้อนโต๊ะ
  • กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมหลัก

  • กุ้ง 400 กรัม
  • ฟักทอง 150 กรัม
  • บวบเหลี่ยม 150 กรัม
  • ใบตำลึง 50 กรัม
  • เห็ดออรินจิ 100 กรัม
  • เห็ดฟาง 100 กรัม
  • เห็ดหลินขาว 100 กรัม
  • ข้าวโพดหวาน 50 กรัม
  • ใบแมงลัก 50 กรัม
  • น้ำปลาแท้ 3 ทัพพี (8 ช้อนโต๊ะ)
  • น้ำตาลโตนด 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำ 1 ลิตร

วิธีทำ

  1. แกะเปลือกกุ้ง ผ่าหลังเอาเส้นดำออก เสร็จแล้ว ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ ต้มน้ำให้เดือด ลวกกุ้งให้สุก แล้วน็อคใส่ในน้ำแข็ง พอเย็นได้ที่ ให้แบ่งกุ้งส่วนหนึ่งออกมาสำหรับทำพริกแกง สำหรับน้ำลวกกุ้ง เตรียมใช้เป็นน้ำสต็อค
  2. นำกระชาย หอมแดง มาสับให้ละเอียด
  3. เริ่มโขลกพริกแกง โดยเตรียมครกกับสาก ใส่พริกไทยเม็ดลงไป โขลกให้ละเอียด ตามด้วยกระชาย หอมแดงที่สับไว้ โขลกให้แหลกพอหยาบ เพื่อให้มีเนื้อสัมผัส จากนั้น ใส่กุ้งที่ลวกจนสุกตามลงไป และ กะปิ โขลกให้เข้ากัน
  4. ต้มน้ำสต็อคให้เดือด ใส่ฟักทอง เห็ดฟาง เห็ดหลินขาว เห็ดออรินจิ ต้มจนสุก
  5. พอน้ำเดือดดีแล้ว ใส่ข้าวโพด บวบเหลี่ยม ต้มจนบวบนิ่ม
  6. ใส่ใบตำลึง พริกแกงที่ตำไว้ คนให้พริกแกงละลายเข้ากัน
  7. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลโตนด
  8. ใส่กุ้งสุก และใบแมงลัก คนให้เข้ากัน พอเดือดกำลังดีแล้ว ให้ปิดไฟ จัดเสิร์ฟได้เลย

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

เครื่องซีลสูญญากาศ จาก SGE การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

4. แกงเปรอะใส่ฟักทอง

แกงฟักทอง

แกงพื้นบ้านสไตล์อีสาน ที่นอกจากใส่หน่อไม้เป็นส่วนผสมหลัก ยังใส่ฟักทองลงไป ทานคู่กับเห็ดฟาง ชะอม และใบแมงลักอีกด้วย เป็น แกงฟักทอง อีกหนึ่งสูตรที่น่าลิ้มลอง ใครชอบรสชาตินัว ๆ ห้ามพลาด

ส่วนผสม

  • หน่อไม้สด 1 หัว
  • ฟักทองหั่นชิ้น ตามชอบ
  • น้ำย่านาง 500 มิลลิลิตร
  • เห็ดฟาง 100 กรัม
  • ตะไคร้หั่น 2 ต้นเล็ก
  • หอมแดง 7 หัว
  • พริกสด 15-20 เม็ด
  • ข้าวเบื่อ (ข้าวสารแช่น้ำ)1 ช้อน
  • ชะอม 1 ถ้วย
  • ใบมะกรูด 5 ใบ
  • ใบแมงลัก (ผักอีตู่) 1 ถ้วย
  • น้ำปลาร้าต้มสุก 5 ช้อนโต๊ะ
  • ผงชูรส 1 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

  1. โขลกเครื่องแกง เตรียมครกกับสากมา แล้วตำส่วนผสมทีละอย่าง เริ่มจากตะไคร้หั่น พริกสด หอมแดง ข้าวเบื่อ โดยตำทุกอย่างให้พอแหลก เป็นชิ้น ๆ และตำให้เข้ากัน
  2. นำหน่อไม้สดมาแกะเปลือกออก หั่นเป็นชิ้น ๆ แล้วนำมาต้มเป็นเวลา 10 นาที
  3. ใส่น้ำย่านางลงในหม้อ เคี่ยวให้เดือด จากนั้น นำหน่อไม้สด ฟักทองหั่นชิ้น มาใส่ ต้มต่ออีก 5-8 นาที จนกว่าจะเดือด
  4. ใส่น้ำปลาร้าต้มสุก 5 ช้อนโต๊ะ ต้มต่ออีก 5 นาที
  5. ใส่เครื่องแกงลงไป ต้มต่ออีก 1-2 นาที แล้วใส่เห็ดฟางลงไป
  6. ชิมรสชาติ ใส่น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ ตามด้วยผงปรุงรสอีก 1 ช้อนชา ต้มต่อจนเดือด
  7. ใส่ใบมะกรูด ชะอม คนให้เข้ากัน ต้มต่อ 10-15 วินาที แล้วใส่ใบแมงลัก (ผักอีตู่) ปิดท้าย ต้มต่ออีกสักพัก ปิดเตาเป็นอันเสร็จ

5. ซุปฟักทอง

แกงฟักทอง

ถึงแม้จะไม่ใช่ แกงฟักทอง สไตล์คนไทย แต่ก็เป็นเมนูที่คนชอบทานฟักทองไม่ควรพลาด เพราะจะได้ซุปฟักทอง รสหวานเข้มข้น ซดทานอย่างเดียวก็อร่อย หรือ ถ้าไม่ใส่ครีมและเนย ก็จะกลายเป็นเมนูวีแกน ที่เหมาะกับคนรักสุขภาพมาก ๆ

ส่วนผสม

  • ฟักทองญี่ปุ่น 700 กรัม
  • หอมหัวใหญ่ 120 กรัม
  • กระเทียม 15 กรัม
  • น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำสต๊อกผัก หรือน้ำเปล่า 700 มิลลิลิตร
  • เกลือ 1 – 2 ช้อนชา
  • ใบไทม์ 1 ช้อนชา
  • พริกไทยบดละเอียด ตามชอบ
  • เมล็ดฟักทอง ตกแต่ง

วิธีทำ

  1. หั่นหอมหัวใหญ่ กระเทียม และฟักทองให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ เตรียมไว้ โดยในส่วนเมล็ดฟักทอง ให้คว้านออกมา แล้วนำไปล้างน้ำให้สะอาด สำหรับตกแต่งซุปในภายหลัง
  2. ตั้งหม้อ ใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยหอมหัวใหญ่ และ กระเทียม ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย ผัดให้หอมหัวใหญ่สุกใสและนิ่มลง
  3. ใส่ฟักทองลงไป เติมน้ำเปล่า ลงไปเล็กน้อย ผัดให้เข้ากันจนมีกลิ่นหอม
  4. จากนั้น เติมน้ำสต็อกผักลงไป ต้มให้ฟักทองนิ่มลง จนกว่าเนื้อฟักทองจะนิ่ม เข้ากันกับน้ำสต็อก
  5. ตักซุปฟักทอง ใส่เครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด เสร็จแล้ว ตักใส่ชาม โรยหน้าด้วยพริกไทยบดละเอียด ตกแต่งด้วยเมล็ดฟักทองให้สวยงาม เป็นอันเสร็จ

สำหรับใครที่ต้องการบดฟักทองให้ละเอียด เพื่อให้ทำซุปฟักทองได้ง่ายขึ้น แนะนำ เครื่องบดสับอาหาร ของ SGE มีใบมีด 4 ใบ สามารถปั่นด้วยความเร็ว 8,000 รอบ/นาที ทำให้ฟักทองบดละเอียดได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้คุณทำแกงฟักทองได้ง่ายขึ้น หากสนใจคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/product/food-chopper/ หรือ สอบถามผ่านทาง โทรศัพท์ และ Line ของเราได้เลย

6. ฟักทองแกงบวด

แกงฟักทอง

มาทำ แกงฟักทอง แบบของหวานไทย ๆ กันบ้าง กับ ฟักทองแกงบวด ซึ่งวิธีการทำก็ง่าย ๆ เพียงแค่ต้มฟักทองกับหางกะทิ เสร็จแล้ว ค่อยเติมหัวกะทิลงไป เพื่อให้น้ำกะทิรสชาติเข้มข้นมากขึ้น เท่านี้ก็เป็นอันเสร็จ โดยเคล็ดลับอยู่ที่การใส่ใบเตยลงไประหว่างต้มน้ำกะทิ จะช่วยให้น้ำกะทิมีความหอม ทานได้อร่อยมากขึ้น

ส่วนผสม

  • ฟักทอง 1,000 กรัม
  • น้ำตาลมะพร้าว 200 กรัม
  • เกลือ 2/3 ช้อนชา
  • กะทิถุงพาสเจอร์ไรส์  800 กรัม
  • น้ำเปล่า 400 กรัม
  • ใบเตย 3 ใบ (มัดเข้าด้วยกัน)
  • น้ำปูนใส (สำหรับแช่ฟักทอง)

วิธีทำ

  1. นำฟักทองไปล้างน้ำให้สะอาด พักให้แห้ง จากนั้น นำมาปอกเปลือก แล้วหั่นให้เป็นชิ้น ๆ เสร็จแล้ว ล้างน้ำสะอาดอีก 1 รอบ
  2. นำฟักทองใส่ชามผสม เติมน้ำปูนใสลงไป แช่ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง พอครบเวลา ให้นำไปล้างน้ำสะอาด เตรียมนำมาต้ม
  3. ตั้งหม้อ ใช้ไฟอ่อน ใส่กะทิลงไป 1 ส่วน แล้วเติมน้ำเปล่าลงไป เพื่อทำเป็นหางกะทิ ใส่น้ำตาลมะพร้าว เกลือ และใบเตยมัดลงไป คนให้น้ำตาลมะพร้าวละลายเข้ากัน
  4. ใส่ฟักทองลงไป กดให้จมลงในน้ำหางกะทิ ต้มให้เนื้อฟักทองนิ่มลงและน้ำกะทิเริ่มร้อนขึ้นมา
  5. พอน้ำหางกะทิเริ่มร้อนขึ้นและฟักทองเริ่มสุกและนิ่มลงดีแล้ว ให้เติมหัวกะทิที่เหลือลงไป ต้มให้ร้อนจัดอีกรอบ (ไม่ต้องเดือด) เป็นอันเสร็จ

เป็นยังไงกันบ้างกับ แกงฟักทอง แต่ละสูตรที่นำมาฝากกัน น่ารับประทานมาก ๆ เลยใช่มั้ยล่ะ หากใครชอบทานฟักทอง แล้วอยากนำมาทำอาหาร เพื่อเพิ่มรสชาติแล้วละก็ ลองทำตาม 5 สูตรที่ SGE นำมาฝากกันได้ รับรองว่า อร่อยทุกสูตร ทำได้ง่าย ๆ แน่นอน

19 เมษายน 2024

โดย

Pres

ความคิดเห็น (Comments)

Leave A Comment