220804-Content-รู้จัก-ลูกตาล-ต้นตาล-01

4,216 Views

คัดลอกลิงก์

รู้จัก ลูกตาล ผลไม้รสชาติดี สรรพคุณเลิศ ประโยชน์มากมาย

ไม่มีใคร ไม่รู้จัก “ลูกตาล” อย่างแน่นอน เป็นอีกผลไม้พื้นบ้าน แสนอร่อย รสชาติดี และมีประโยชน์มากมาย ไม่แพ้ผลไม้อื่น ๆ เลยทีเดียว สามารถนำไป ทำอาหาร ได้ทั้งคาว และหวาน บทความนี้ SGE จะพาไปรู้จักกับ ลูกตาล ต้นตาล ให้มากขึ้นกัน ตามไปดูกันเลย

ต้นตาล คือ?

ต้นไม้ที่ยืนตระหง่านสูงตามทุ่งนา จัดเป็นพืชในตระกูลเดียวกันกับ มะพร้าว และปาล์ม มีชื่อเรียกท้องถิ่นหลายชื่อ เช่น ปลีตาล (เชียงใหม่), ตาลโตนด (ภาคกลาง), ลูกโนด (ภาคใต้) เป็นต้น ต้นตาลพบได้ทั่วทุกภูมิภาค ในประเทศไทย แต่จะพบมากที่ภาคใต้ จังหวัดสงขลา และภาคตะวันตก จังหวัดเพชรบุรี นั่นเอง

220804-Content-รู้จัก-ลูกตาล-ต้นตาล-02

ลักษณะของต้นตาล

  • ต้นตาล หรือ ต้นตาลโตนด

เป็นปาล์มต้นเดี่ยว ที่มีความสูงชะลูด มีลำต้นใหญ่ และเนื้อแข็งแรงมาก เป็นปาล์มที่แยกเพศกันอยู่คนละต้น ลำต้นขนาดประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีความสูงของต้นได้ถึง 25-40 เมตร ลำต้นเป็นเสี้ยนสีดำ และแข็งมาก แต่ไส้กลางของลำต้น จะอ่อน ส่วนบริเวณโคนต้น จะมีรากเป็นกลุ่มใหญ่ ในขณะที่ต้นยังเตี้ย จะมีทางใบแห้ง และติดแน่น เจริญเติบโตได้ดี ในดินร่วน และระบายน้ำได้ดี มีความชื้นปานกลาง ไม่ชอบอากาศเย็น ชอบแสงแดดจัด ทนต่อดินเค็ม ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการ ใช้เมล็ด เพราะการย้ายไปปลูกแบบต้น จะไม่รอด เพราะรากแรก ที่แทงลงดินอยู่ลึกมาก หากรากแรกขาด ก็จะตายทันที

  • ใบตาล

ใบเป็นใบเดี่ยว เรียงสลับกัน ลักษณะค่อนข้างกลมคล้ายพัด มีความกว้างประมาณ 1-1.5 เมตร แผ่นใบหนา มีสีเขียว ปลายใบ เป็นจักลึกถึงครึ่งแผ่นใบ ส่วนก้านใบ หนา มีสีเหลือง เป็นทางยาวประมาณ 1-2 เมตร และขอบของทางก้านทั้ง 2 ข้าง จะมีหนามแข็งคล้ายฟันเลื่อยแข็ง ๆ สีดำ และคมมากอยู่ตามขอบก้านใบ ส่วนโคนก้าน จะแยกออกจากกันคล้ายกับคีมเหล็ก โอบหุ้มลำต้นเอาไว้

  • ดอกตาล

ดอกมีสีขาว อมเหลือง ออกดอกเป็นช่อ แบบช่อแยกแขนง ระหว่างกาบใบ ดอก เป็นแบบแยกเพศอยู่ต่างต้นกัน ช่อดอก มีดอกอยู่ช่อละ 8-16 ดอก เมื่อดอกบานเต็มที่ จะมีความกว้างประมาณ 5 เซนติเมตร

  • ผลตาล หรือลูกตาล 

ผลสดแบบมีเนื้อเมล็ดเดียว ผลติดกันเป็นกลุ่มแน่น ลักษณะของผล เป็นทรงกลม หรือเป็นรูปทรงกระบอกสั้น ผลเป็นเส้นใยแข็งเป็นมัน มักมีสีน้ำตาล ถึงสีม่วงเข้ม ปลายผลมีสีเหลือง หรือมีสีเหลืองแกมดำคล้ำ เป็นมันหุ้มห่อเนื้อเยื่อสีเหลืองไว้ภายใน ผิวผลเป็นมัน และผลมีขนาดประมาณ 15-20 เซนติเมตร เมื่อผลสุกแล้ว จะมีสีดำ ซึ่งในผลหนึ่ง ๆ จะมีเมล็ดใหญ่ และแข็งอยู่ประมาณ 1-3 เมล็ด จาวตาล ซึ่งจะถูกหุ้มด้วยใย และเนื้อผลสีเหลืองสด

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

เครื่องซีลสูญญากาศ จาก SGE การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

สรรพคุณ และประโยชน์ของลูกตาล 

สรรพคุณ

  • รากต้มกับน้ำดื่ม สำหรับบางคนใช้เป็นยาชูกำลัง
  • ช่วยทำให้สดชื่น จิตใจแจ่มใสเบิกบาน ด้วยการใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม หรือจะใช้งวงตาลหรือช่อตาลก็ได้
  • จาวตาล มีฟอสฟอรัสสูง จึงช่วยเสริมสร้างกระดูก และฟันให้แข็งแรงได้
  • ช่วยแก้ไข้ ด้วยการใช้รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม ส่วนรากที่งอกอยู่เหนือดิน (ตาลแขวน) มีรสหวานเย็นปนฝาดเล็กน้อย ใช้เป็นยาแก้ไข้ที่มีพิษร้อน
  • รากนำมาต้มกับน้ำดื่ม แก้อาการร้อนใน กระหายน้ำ
  • กาบ หรือก้านใบสด นำมาอังไฟ บีบเอาแต่น้ำ ใช้อมรักษาอาการปากเปื่อยได้
  • รากต้มกับน้ำ ช่วยแก้ต่อมทอนซิลอักเสบ
  • ใบ นำมาคั่วให้เหลือง แล้วนำมาบดจนเป็นผง ใช้สูบ หรือเป่าช่วยลดความดันโลหิต
  • รากต้มกับน้ำดื่ม ช่วยขับเลือด
  • กาบ หรือก้านใบสด นำมาอังไฟแล้วบีบเอาน้ำมากินแก้อาการท้องเสีย ท้องร่วงได้
  • รากตาล หรืองวงตาล นำมาต้มกับน้ำดื่ม ช่วยขับพยาธิได้
  • ใบตาล ช่วยแก้อาการกระสับกระส่ายของสตรี หลังคลอดบุตร
  • เปลือกตาล หรือส่วนที่เป็นกะลา มีการนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของยาแก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร ส่วนช่อดอกตัวผู้ ยังมีการนำมาใช้เป็นส่วนผสมเพื่อต้มเป็นยาบำรุงกำลังอีกด้วย
220804-Content-รู้จัก-ลูกตาล-ต้นตาล-03

ประโยชน์ของลูกตาล

  • ต้นตาลมีทรงพุ่มที่สวยงาม จึงนิยมใช้ปลูกไว้กลางแจ้งเป็นกลุ่ม หรือเป็นแถว หรือปลูกไว้เดี่ยว ๆ ตามชายทะเลหรือริมถนนหนทาง
  • ลำต้นของต้นตาล สามารถนำมาใช้ทำไม้กระดาน หรือใช้ทำเสา สร้างบ้าน ซึ่งมีคุณสมบัติทนแดด ทนฝน และการเสียดสีได้ดี นอกจากนี้ยังสามารถนำมาใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ และเฟอร์นิเจอร์ สำหรับเครื่องตกแต่งบ้าน หรือใช้ในงานฝีมือที่มีราคาสูง ใช้ทำเรือขุด (เรืออีโปง) หรือจะนำลำต้นมาตัดขุดไส้กลางออกทำเป็นท่อระบายน้ำ สำหรับพื้นที่ทางการเกษตร สะพาน กลอง เสา เป็นต้น
  • เปลือกตาล หรือส่วนที่เป็น กะลา นิยมนำไปใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง เมื่อนำไปเข้าเตาเผา แล้วจะได้ถ่านสีดำ ที่มีคาร์บอนสูงเป็นพิเศษ และกำลังเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน หรือจะนำมาใช้เป็นกล่อง หรือตลับสำหรับเก็บสิ่งของ เช่น เข็ม กระดุม เส้นยาสูบ เป็นต้น
  • ประโยชน์ของใบตาล ใบอ่อนนำมาใช้ในการจักสาน งานฝีมือ หรือทำเป็นของใช้ และของเล่นสำหรับเด็ก โดยสานเป็นรูปสัตว์ชนิดต่าง ๆ ส่วนใบแก่ นำไปใช้ทำหลังคากันแดดกันฝน มุงหลังคา ทำเสื่อ สานตะกร้อ ตะกร้า สานกระเป๋า ทำหมวก เป็นต้น หากตัดใบตาลเป็นท่อนสั้น ๆ ก็สามารถนำมาใช้แทนช้อน เพื่อตักขนม หรืออาหารได้ชั่วคราว
  • ทางตาล หรือส่วนของก้านใบตาล สามารถลอกผิวภายนอก ส่วนที่อยู่ด้านบนที่เรียกว่า หน้าตาล มาฟั่นทำเป็นเชือกสำหรับผูก หรือล่ามวัว และมีความเหนียวที่ดีมาก แม้จะไม่ทนทานเท่าเชือกที่ทำจากต้นปอ หรือต้นเส็งก็ตาม จึงเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องมีการตากแดดตากฝน ส่วนทางตาลตอนโคน ที่อยู่ติดกับต้นตาลนั้นจะมีอยู่ 2 แฉก มีลักษณะบางและแบน หรือที่เรียกว่า ขาตาล สามารถนำมาตัดใช้เป็นคราด หรือไม้กวาด เพื่อใช้กอบสิ่งของที่เป็นกอง เช่น มูลวัว ขี้เถ้า เมล็ดข้าว เป็นต้น แต่หากต่อด้าม หรือทำเป็นกาบจะเรียกว่า กาบตาล นอกจากนี้ ทางตาล ยังสามารถนำมาใช้ทำเป็นคอกสัตว์ รั้วบ้าน ใช้ทำเป็นเชื้อเพลิง หรือใช้ในงานหัตถกรรมจักสาน หรืองานฝีมือ เช่น การทำเป็นกระเป๋า หมวก และอีกมากมายได้อีกด้วย
  • ลูกตาล สามารถนำมารับประทานหรือใช้ทำเป็นขนมได้ เช่น ลูกตาลลอยแก้ว หัวลูกตาลอ่อน นำมาต้มให้สุกใช้รับประทานกับน้ำพริกได้ หรือนำมาต้มกับน้ำปลาร้าที่เรียกว่า “ต้มปลาร้าหัวตาล” ส่วนผลลูกตาลสุกจะใช้เนื้อเยื่อสีเหลืองที่หุ้มเมล็ดนำมาทำเป็นขนมที่เรียกวา ขนมตาล ส่วนเมล็ดทิ้งไว้จนรากงอก หากทิ้งไว้ จะมีเนื้อเยื่อข้างใน สามารถนำมาเชื่อม ทำเป็นขนม ลูกตาลเชื่อม นอกจากนี้ยังใช้ผสมกับแป้งทำเป็นขนมหวาน จาวตาลเชื่อม ลูกตาลลอยแก้ว เป็นต้น ผลอ่อน หน่ออ่อน สามารถนำมาใช้ประกอบอาหาร ประเภทผัด ต้ม แกง ได้
  • ประโยชน์ของตาลโตนด เปลือกหุ้มผลอ่อนนำมาใช้ปรุงอาหารได้ทั้งคาวและหวาน เช่น อาหารจำพวกยำ แกงเลียง ฯลฯ ส่วนเปลือกหุ้มผลตาลจากแห้งใช้ทำเป็นเชื้อเพลิงได้ หรือจะคั้นเอาแต่น้ำของผลแก่ใช้ปรุงเพื่อแต่งกลิ่นขนม นอกจากนี้ผลตาลแก่ยังสามารถนำมาใช้เป็นอาหารเลี้ยงสัตว์ เช่น หมู วัว ได้อีกด้วย[3]
  • ลอนตาล ต้นตาลตัวเมียจะมี ลูกตาล ที่ติดกันเป็นทะลาย หากยังไม่แก่จัด จะนิยมตัดลงมาทั้งทะลาย แล้วนำมาเฉาะเพื่อเอา เต้าตาล หรือลอนตาล นำมาใช้รับประทาน เป็นผลไม้ได้ โดยให้รสหอมหวาน และนุ่มเนื้อน่ารับประทาน หรือจะแช่เย็นก่อนนำมารับประทาน จะนำไปทำเป็นขนมด้วยการต้มกับน้ำตาลทรายทำเป็น ลอนตาลลอยแก้ว ก็ได้
  • จาวตาล นิยมนำไปเชื่อมรับประทานเป็นของหวาน ด้วยการนำมาทำเป็น จาวตาลเชื่อม หรือที่นิยมเรียกว่า ลูกตาลเชื่อม มีทั้งการเชื่อมเปียก จาวตาลจะฉ่ำน้ำตาล และการเชื่อมแห้ง จาวตาลจะมีเกล็ดน้ำตาลจับแข็ง สามารถเก็บไว้ได้นาน หรือจะนำจาวตาลเชื่อมน้ำตาลโตนดชุบแป้งทอด เป็นของกินเล่น ที่เรียกว่า โตนดทอด
  • ประโยชน์ของเมล็ดตาล สามารถนำมาใช้รับประทานสด หรือใช้ทำเป็นขนมเป็นของหวาน หรือนำไปใส่ในแกงส้ม หรือแกงเหลือง ส่วนเมล็ดตาลสุก เมื่อนำไปล้างทำความสะอาดแล้วนำไปตากให้แห้ง จะมีลักษณะเป็นฟูฝอยสวยงามคล้ายกับขนสัตว์ จึงนิยมนำไปใช้ทำเป็นของเล่น สำหรับเด็กผู้หญิง ด้วยการใช้หวี เพื่อจัดรูปทรงได้หลายแบบ คล้ายกับเป็นช่างทำผม นอกจากนี้ ยังนำมาใช้เผาถ่านได้อีกด้วย
  • งวงตาล (ช่อดอก) ใช้น้ำหวานที่ได้จากการปาด และนวด นำมาใช้ทำเป็นเครื่องดื่ม และน้ำตาล หรือทำเป็นน้ำตาลสด น้ำตาลเมา น้ำตาลแว่น น้ำตาลโตนด ต้นตาลทั้งเพศผู้และเพศเมียที่ยังไม่แก่เต็มที่ จะให้น้ำตาลที่สามารถนำมาทำเป็น น้ำตาลก้อน หรือน้ำตาลปี๊บ ปัจจุบันมีการนำงวงตาล มาใช้ทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ ที่อยู่ในรูปแบบแคปซูล เพื่อความสะดวกในการบริโภค โดยมีสรรพคุณเป็นยาขับพยาธิ แก้พิษตานซาง ทำให้จิตใจชื่นบาน เป็นต้น

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ถุงซีลสูญญากาศ

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🥺🙏🏻

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

คุณค่าทางโภชนาการ

ลูกตาลอ่อน ต่อ 100 กรัม พลังงาน 47 กิโลแคลอรี และอื่น ๆ ดังนี้

  • คาร์โบไฮเดรต 9.0 กรัม
  • โปรตีน 0.5 กรัม
  • เส้นใย 0.5 กรัม
  • ไขมัน 1.0 กรัม
  • น้ำ 88.5 กรัม
  • วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.01 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3 0.5 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 2 มิลลิกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 6 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 1.7 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 20 มิลลิกรัม

ข้อมูลจาก : กองโภชนาการ กรมอนามัย

การขยายพันธุ์ ต้นตาล 

ลูกตาล สามารถพบขยายพันธุ์โดย การใช้เมล็ด ซึ่งมีวิธีการปลูก ดังนี้

  1. นำผลตาลสุก มาปอกเปลือก และขำเอาเนื้อตาลออก
  2. นำเมล็ดตาล ใส่ถุงแช่น้ำ ประมาณ 5 วัน แล้วนำมากองบนดิน
  3. นำฟางข้าวมาคลุมทับนาน 15 วัน รากก็จะเริ่มงอก แล้วจึงสามารถนำไปปลูกได้

ส่วนวิธีการปลูก เริ่มจากขุดหลุม ให้ลึกพอดีกับเมล็ดตาล ที่จะนำไปปลูก แต่ต้องระวังไม่ให้ปลายรากหัก วางเมล็ด โดยต้องวางให้ทำมุมเฉียง 45 องศา จากนั้นกลบดิน รดน้ำวันละครั้ง หลังจาก 30 วัน ต้นอ่อน จะงอกพ้นดิน ทั้งนี้ การปลูกควรเว้นระยะห่าง 6×6 ถึง 8×8 เมตร

ข้อแนะนำ และข้อควรระวัง

  1. ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ควรระมัดระวังในการรับประทานน้ำตาลสด หรือผลิตภัณฑ์ที่มีความหวาน ที่ทำมาจากตาล เช่น น้ำตาลสด น้ำตาลปึก น้ำตาลปีบ น้ำตาลผง เพราะผลิตภัณฑ์เหล่านี้ มีความหวานมาก โดยอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง และอาจทำให้เกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ได้
  2. สำหรับการใช้ตาล เป็นสมุนไพรตามตำรับตำรายาต่าง ๆ นั้น ควรระมัดระวังในการใช้ เช่นเดียวกันกับสมุนไพรชนิดอื่น ๆ โดยควรใช้ในปริมาณที่พอดีและไม่ควรใช้ต่อเนื่อง เป็นเวลานานจนเกินไป เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ สำหรับเด็ก สตรีมีครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง หรือผู้ที่ต้องรับประทานยาต่อเนื่องเป็นประจำ ก่อนจะใช้ตาลเป็นสมุนไพร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ

เป็นอย่างไรกันบ้าง ผลไม้แสนอร่อย อย่างลูกตาล ที่มีประโยชน์มากมาย และมีสรรพคุณทางยาที่ไม่แพ้ผลไม้ชนิดอื่น ๆ เลย บอกเลยว่า ผลไม้ชนิดนี้ มีดีกว่าที่คิดอย่างแน่นอน รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมลองไปหาทานกันดูนะจ๊ะ

สามารถอ่านบทความ สาระดี ๆ และสูตรอาหารต่าง ๆ ได้ที่นี่

อ้างอิงข้อมูลจาก : disthai.com, medthai.com

4 สิงหาคม 2022

โดย

ลำดวน

ความคิดเห็น (Comments)

Leave A Comment