ฟักทอง

1,611 Views

คัดลอกลิงก์

ประโยชน์ ฟักทอง รู้แล้วจะตะลึง + แชร์วิธีปลูกฟักทองด้วยตัวเอง

ฟักทอง มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ตลอดจนทำอาหารได้ทั้งคาวหวาน และ อาหารเพื่อสุขภาพ
ทำให้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ที่สามารถสร้างรายได้กับผู้ปลูก หรือ เกษตกร หากใครอยากปลูกฟักทอง เพื่อขายสร้างรายได้แล้วละก็
SGE มี วิธีปลูกฟักทอง ด้วยตัวเองมาฝาก รับรองว่า ผลผลิตดี ปลูกขาย สร้างรายได้ได้แน่นอน

ทำความรู้จัก ฟักทอง

ฟักทอง

ฟักทอง เป็นพืชล้มลุก มีเถายาวเลื้อยปกคลุมดิน ลำต้นกลม หรือ เหลี่ยมมน ผิวเป็นร่องตามความยาว ใบเป็นใบเดี่ยว มีขนาดใหญ่ ออกเรียงสลับกัน โคนใบเว้าคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบหยักเป็นเหลี่ยม มีขนทั้ง 2 ด้าน ดอกเป็นดอกเดี่ยวสีเหลือง มีขนาดใหญ่ ลักษณะคล้ายระฆังหรือกระดิ่ง ดอกตัวผู้ มีแท่งเกสร 1 แท่ง ส่วนดอกตัวเมียจะมีแท่งเกสร 6 แท่ง และ มีผลขนาดเล็กติดอยู่ตรงขั้วดอก เมื่อผลโตเต็มที่จะมีขนาดใหญ่ เปลือกข้างนอกแข็ง ส่วนเนื้อข้างในอ่อน แต่ละผลมีเมล็ดฟักทองอยู่ตรงกลางด้านใน รูปร่างคล้ายไข่ แบน มีขอบนูนอยู่โดยรอบ

สำหรับสีของเปลือกผลฟักทอง มี 2 แบบ ขึ้นอยู่กับตระกูลของฟักทอง ตระกูลแรกคือ ฟักทองอเมริกัน (Pumpkin) ผิวด้านนอกและเนื้อข้างในของผล จะเป็นสีเหลือง ทั้งตอนเป็นผลอ่อนหรือตอนแก่เต็มที่ ตระกูลที่ 2 คือ ฟักทองไทยและฟักทองญี่ปุ่น (Squash)  ซึ่งผิวของผลนั้น ขณะยังอ่อนจะเป็นสีเขียว เมื่อแก่แล้วจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง โดยที่เนื้อข้างในก็จะเปลี่ยนไปตามสีของเปลือก ณ ช่วงเวลานั้น ๆ

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ตู้อบลมร้อน ตู้อบเบเกอรี่

ประโยชน์ของฟักทอง

pumpkin

1. บำรุงสายตา ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม

ทั้ง ฟักทองอเมริกัน และ ฟักทองไทย เมื่อเนื้อข้างในมีสีเหลือง จะอุดมไปด้วย เบต้าแคโรทีน ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว จะถูกเปลี่ยนให้เป็นวิตามิน A ช่วยในการบำรุงสายตา นอกจากนี้ ยังมีสารลูทีนและซีเซทีน (Lutein – Zeaxanthin) ช่วยป้องกันดวงตาจากแสงแดด และ กรองแสงสีฟ้าที่เป็นอันตรายต่อดวงตา ทำให้ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมได้

2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

ฟักทอง มีวิตามิน B หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น วิตามิน B1 B2 B3 B5 B6  ซึ่งล้วนแล้วแต่มีส่วนช่วยในการเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง นอกจากนี้ ก็ยังมี เบต้าแคโรทีน ที่จะไปกระตุ้นให้เซลล์ภูมิคุ้มกันในร่างกาย ทีเฮลเปอร์ ทำงานต่อต้านสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรคได้ดีขึ้น จึงช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคร้ายแรงได้ในอนาคต

3. บำรุงผิวพรรณให้มีสุขภาพดี

เบต้าแคโรทีนในฟักทอง นอกจากบำรุงสายตาและช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันแล้ว ยังมีส่วนช่วยในการบำรุงผิวพรรณ โดยต่อต้านการออกซิเดชั่นของสารอนุมูลอิสระในเซลล์ผิว ช่วยลดการเกิดริ้วรอยก่อนวัย นอกจากนี้ ก็ยังมี วิตามิน C ช่วยสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวพรรณชุ่มชื้น ดูกระจ่างใส และ วิตามิน E ที่จะช่วยป้องกันผิวจากแสงแดด ทำให้ผิวพรรณโดยรวมของคุณมีสุขภาพดีขึ้น

4. ลดความดันโลหิต ช่วยควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย

เมื่อทานฟักทอง100 กรัม จะได้รับโพแทสเซียมสูงถึง 340 มิลลิกรัม ซึ่งจะมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิต ควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย ตลอดจนประโยชน์อื่น ๆ เช่น รักษาภูมิแพ้ กำจัดของเสียในร่างกาย และ ยังช่วยให้เลือดนำออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงระบบประสาทได้ดี ทำให้จิตใจแจ่มใส ร่าเริงอีกด้วย

5. ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานปกติ

ในฟักทอง มีเส้นใยหรือไฟเบอร์สูง ทำให้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดี ถ่ายอุจจาระได้ง่าย ลดการหมักหมมของเสียในลำไส้ และ ลดโอกาสดูดซับสารพิษจากของเสียกลับเข้าสู่ร่างกาย ซึ่งทำให้ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งลำไส้ลดลง

6. ป้องกันโรคต่อมลูกหมากโต

จากการวิจัยในผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโต พบว่า เมื่อใช้ สารสกัดจากเมล็ดฟักทอง ในการรักษาคนไข้ที่เป็นต่อมลูกหมากโต 2,245 คน พบว่า 41.4% มีอาการของทางเดินปัสสาวะดีขึ้น และ 46.1% ไม่พบอาการที่ไม่พึงประสงค์ในคนไข้เกือบทั้งหมด ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสารสกัดดังกล่าว มีฤทธิ์ต้านฮอร์โมนแอนโตรเจน (antiandrogenic effect) ที่เป็นตัวการทำให้ต่อมลูกหมากโต การรับประทานเมล็ดฟักทอง จึงอาจช่วยป้องกันโรคต่อมลูกหมากโตในผู้ชายได้

7. ช่วยลดน้ำหนัก

คนที่อยากควบคุมหรือลดน้ำหนัก ควรทานฟักทองเป็นประจำ เพราะมีไฟเบอร์สูง ช่วยให้อิ่มท้องได้ง่าย ทำให้ความอยากอาหารลดลง นอกจากนี้ ยังมีแคลอรีน้อยและไขมันต่ำ เหมาะสำหรับทำเป็นอาหาร ไว้รับประประทานเพื่อควบคุมน้ำหนัก หรือ อาหารลดน้ำหนัก

*ข้อควรระวัง

– แม้ฟักทองจะมีประโยชน์ แต่เพราะมีฤทธิ์อุ่น ทำให้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีกระเพาะร้อน เช่น ผู้ที่มักมีอาการกระหายน้ำ ปัสสาวะเหลือง ท้องผูก มีแผลในช่องปาก เหงือกบวมเป็นประจำ เป็นต้น

– ควรรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม เพราะหากรับประทานเกินพอดี อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ไม่สบายท้องได้

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

เครื่องซีลสูญญากาศ จาก SGE การันตีด้วยยอดขายอันดับ 1

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฟักทอง ทำอาหารอะไรได้บ้าง

ฟักทอง

ฟักทอง นำมาทำอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวาน โดยในอาหารไทย เช่น แกงเผ็ดฟักทอง ฟักทองผัดไข่ ฟักทองแกงบวด ฟักทองสังขยา ฟักทองเชื่อม ฯลฯ ในต่างประเทศ เช่น ซุปฟักทอง พายฟักทอง เค้กฟักทอง เป็นต้น นอกจากนี้ คนทั่วไปยังนิยมหั่นฟักทองเป็นชิ้น ๆ แล้วไปอบใน เตาอบไฟฟ้า เพื่อทำเป็น ฟักทองอบกรอบ สไตล์ ผักอบกรอบ เพื่อทำให้การทานฟักทองอร่อยมากขึ้นอีกด้วย

⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

กระถางผ้า กระถางผ้าปลูกต้นไม้
กระถางผ้า กระถางผ้าปลูกต้นไม้

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

วิธีปลูกฟักทอง ด้วยตัวเอง

pumpkin

วิธีปลูกฟักทอง นิยมปลูกโดยการเพาะเมล็ด และ เริ่มปลูกในแปลงเพาะทันที เพราะเป็นพืชที่มีระบบรากลึก ทำให้ไม่นิยมปลูกในถุงเพาะต้นกล้าแล้วค่อยย้ายลงแปลงปลูก โดยวิธีนี้ นำมาจาก Youtuber ช่อง Sivakorn Channel มีรายละเอียดดังนี้

การเตรียมพื้นที่สำหรับปลูก

พื้นที่สำหรับปลูก ควรเป็นพื้นที่ราบ ไม่มีน้ำท่วมขัง (หากเป็นพื้นที่น้ำท่วมขัง ควรขุดยกร่องขึ้นมา) ขนาด 3 x 3 เมตร ขึ้นไป เพื่อรองรับการเลื้อยของลำต้นและผลที่มีขนาดใหญ่ได้

ในส่วนของดินที่ใช้ปลูก ควรใช้ ดินร่วน ดินร่วนปนทราย ที่ระบายน้ำได้ดี เนื้อดินไม่แน่น มีความเป็นกรดด่าง หรือ ค่า pH อยู่ที่ 5.5 – 6.5

ช่วงเวลาที่ควรปลูก

ปลูกได้ดีที่สุด คือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธุ์ และ ในต้นฤดูหนาว คือ ช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม โดยข้อดีของการปลูกในช่วงหน้าหนาว คือ จะได้ดอกตัวเมียเยอะ ซึ่งต่อไปจะพัฒนาเป็นผลฟักทองนั่นเอง

วิธีปลูกฟักทอง

  1. เตรียมดิน โดยการขุดหลุมลึก ประมาณ 25-30 เซนติเมตรแล้วตากดินประมาณ 5-7 วัน ให้แห้ง จากนั้น ใส่ปุ๋ยคอก 1 ถ้วย ขี้เถ้าหรือปูนขาว 1 กำมือ แล้วคลุกดินเข้าให้กัน เพื่อให้ดินร่วนชุย และ มีความอุดมสมบูรณ์
  2. หยอดเมล็ดพันธุ์หลุมละ 1 – 2 เมล็ด กลบดินให้เรียบร้อย แล้วคลุมด้วยฟางแห้งเป็นชั้นบาง ๆ จากนั้น หมั่นรดน้ำให้ดินชุ่ม วันละ 1-2 ครั้ง
  3. พอต้นฟักทองโตขึ้น จนลำต้นมีความยาวประมาณ 50 เซนติเมตรแล้ว ให้เด็ดยอดออก เพื่อให้ต้นฟักทองแตกกิ่งก้านสาขาเร็วขึ้น และ ออกดอกเร็ว รอประมาณ 2 เดือน ให้ต้นฟักทองออกดอก
  4. พอต้นฟักทองออกดอกตัวผู้ ดอกตัวเมีย จนบานเต็มที่แล้ว หากไม่อยากรอผึ้งมาผสมเกสรตัวผู้ – ตัวเมียตามธรรมชาติ ให้เด็ดเอาดอกตัวผู้ (ดอกสีเหลืองที่มีแท่งเกสรอยู่ข้างในแท่งเดียว) มาเด็ดกลีบดอกออกให้หมด จากนั้น ให้นำขั้วเกสรดอกตัวผู้ไปเขี่ยให้โดนแท่งเกสรของดอกตัวเมีย (ดอกสีเหลืองที่มีแท่งเกสรอยู่ข้างใน 6 ขั้ว และ มีผลติดขั้วดอก) โดยเวลาที่ควรผสมเกสร คือ 6 โมงเช้า – 10 โมง
  5. รอ 1 สัปดาห์ หากผสมเกสรแล้ว พบว่า ผลตรงขั้วดอกตัวเมียเริ่มโตขึ้น ดอกไม่เหี่ยวเฉาร่วงลง แสดงว่า ผสมเกสรสำเร็จ ให้ตัดยอดกิ่งและใบที่มีผลตรงนั้นออก เพื่อให้ผลฟักทองได้รับสารอาหารอย่างเต็มที่
  6. รอจนผลฟักทองโตและสุกเต็มที่แล้ว ให้เก็บผลผลิต เป็นอันเสร็จ

รู้ถึงประโยชน์ต่าง ๆ ของ ฟักทอง กันไปแล้ว หากใครอยากปลูกฟักทอง เพื่อนำมาทำอาหาร หรือ เก็บผลผลิตขายแล้วละก็ ลองไปทำตาม วิธีปลูกฟักทอง ที่ SGE นำมาฝากกันได้ รับรองว่า ปลูกแล้ว โตไว ได้ผลผลิตดีแน่นอน

สำหรับใครที่อยากลองปลูก ฟักทอง โดยการเพาะกล้าในกระถางก่อน แล้วค่อยย้ายลงแปลงปลูกภายในบ้าน  แนะนำให้ใช้ กระถางผ้า ของ SGE มีขนาดใหญ่สุดถึง 30 แกลลอน รองรับพืชที่มีระบบรากลึกได้ ช่วยให้คุณปลูกต้นฟักทองได้อย่างง่ายดาย ตัวกระถางผ้ายังทำจากวัสดุที่ระบายน้ำและอากาศได้ดี ทำให้ดินมีความชุ่มชื้น ช่วยเร่งรากและทำให้ต้นฟักทองเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว สนใจคลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.sgethai.com/plant-pot/


⭐⭐ หากชื่นชอบบทความของ SGE ⭐⭐

ฝากกดลิงก์เยี่ยมชมสินค้า เพื่อเป็นกำลังใจให้ทีมงานของเราด้วยนะคะ🙏

30 มกราคม 2024

โดย

Pres

ความคิดเห็น (Comments)

guest
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด