อาหารซีลสูญญากาศ อยู่ได้กี่วัน ซีลอย่างไรให้เก็บได้นานที่สุด?
อัปเดตเมื่อ วันที่ 10 ตุลาคม 2025

การถนอมอาหารด้วยการซีลสูญญากาศ เก็บอาหารได้นานกว่าปกติถึง 3 – 5 เท่า ขึ้นอยู่กับ ประเภทอาหาร และ อุณหภูมิการจัดเก็บ ในบทความนี้ เราจะมาเปรียบเทียบให้ดูทีละอย่าง เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพชัดเจนขึ้น เริ่มตั้งแต่เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ ธัญพืช ชา กาแฟ เบเกอรี่ อาหารผง ซุป ซอส เครื่องเทศ ฯลฯ ถ้าพร้อมแล้ว มาหาคำตอบกันว่า ซีลสูญญากาศ อยู่ได้กี่วัน กันแน่!? ท้ายบทความเรายังมี เทคนิคการซีลสูญญากาศให้อยู่ได้นานที่สุด มาฝากอีกด้วย ใครไม่อยากเสียของ ห้ามพลาด!
หลักการทำงาน การซีลสูญญากาศ

การซีลสูญญากาศ คือการใช้ปั๊มดูดอากาศ (Vacuum Pump) ดูดหรือกำจัดอากาศ โดยเฉพาะออกซิเจน ออกจากบรรจุภัณฑ์ แล้วใช้ความร้อนซีลปิดปากถุง เพื่อไม่ให้อากาศภายนอกและสิ่งปนเปื้อนเข้ามาภายในบรรจุภัณฑ์ ซึ่งช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ ทำให้ยืดอายุการเก็บรักษาอาหารได้นานขึ้นกว่าปกติหลายเท่า หลักการทำงานของการซีลสูญญากาศ สามารถอธิบายได้ตามขั้นตอนหลัก ๆ ดังนี้
- ใส่สินค้าลงในถุงหรือบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสม
- กำจัดอากาศออกจากบรรจุภัณฑ์ ด้วยเครื่องซีลสูญญากาศแต่ละแบบ
- หลังการกำจัดอากาศ เครื่องซีลจะทำการปิดผนึกปากของบรรจุภัณฑ์
- ตรวจสอบความแน่น และทดสอบการรั่วของถุง Save
- นำถุงที่ผ่านการซีล ไปเก็บรักษาอย่างเหมาะสม เช่น แช่ช่องแข็ง หรือแช่เย็น เพื่อยืดอายุ
อาหารที่เหมาะกับการซีลสูญญากาศ

การเลือกประเภทอาหารที่เหมาะสมกับการซีลจะช่วยให้คงคุณภาพ รสชาติ และคุณค่าทางโภชนาการได้ดีที่สุด
- ผักและผลไม้สด : ผักผลไม้เป็นอาหารที่เสียง่าย แต่สามารถเก็บได้นานขึ้นหากใช้วิธีซีลสูญญากาศ เพราะช่วยลดออกซิเจนซึ่งเป็นสาเหตุของการสลายตัวและการเกิดเชื้อรา
- เนื้อสัตว์และอาหารทะเล : เหมาะอย่างมากกับการซีลสูญญากาศ เพราะช่วยลดกลิ่น ป้องกันการสูญเสียน้ำในเนื้อ และป้องกัน “Freezer Burn” จากการแช่แข็ง
- อาหารแห้ง ขนม และธัญพืช : ถุงซีลสูญญากาศเหมาะกับอาหารแห้งที่ต้องการป้องกันความชื้นและแมลง
- อาหารปรุงสุกและอาหารพร้อมรับประทาน : ในธุรกิจอาหารเดลิเวอรี่ หรือร้านที่ต้องการเตรียมอาหารล่วงหน้า การซีลสูญญากาศช่วยรักษาความสด สะอาด และปลอดภัย
ซึ่งหลังจากทำการซีลสูญญากาศแล้ว อาหารแต่ละประเภท ก็จะมีระยะเวลาในการเก็บรักษาที่แตกต่างกันไป ดังนี้
| ประเภทอาหาร | เก็บที่อุณหภูมิห้อง | แช่เย็น (0–4°C) | แช่แข็ง (-18°C หรือต่ำกว่า) |
|---|---|---|---|
| ผักและผลไม้สด | ประมาณ 1-2 วัน | ประมาณ 7-14 วัน | ประมาณ 8-12 เดือน |
| เนื้อสัตว์และอาหารทะเล | ไม่ควรเก็บ | ประมาณ 5–10 วัน | ประมาณ 1–2 ปี |
| อาหารแห้ง ขนม และธัญพืช | ประมาณ 6–12 เดือน | ประมาณ 1–2 ปี | มากกว่า 2 ปี |
| อาหารปรุงสุก อาหารพร้อมรับประทาน | ประมาณ 1–2 วัน | ประมาณ 10–14 วัน | ประมาณ 2–3 เดือน |
ส่วนใครที่อยากรู้ข้อมูลการเก็บรักษาอาหารแต่ละประเภทโดยละเอียด สามารถดูได้จากตารางด้านล่างนี้
1. เนื้อสัตว์ (Meats)
โดยปกติแล้วเนื้อสัตว์จะเก็บในช่องแช่แข็งได้ไม่เกิน 6 เดือน แต่ถ้าเราซีลสูญญากาศไว้ จะช่วยยืดอายุการจัดเก็บได้นานถึง 1 – 2 ปี
ประเภทเนื้อสัตว์ | สถานที่เก็บ | ไม่ซีลสูญญากาศ | ซีลสูญญากาศ |
| วัว หมู แกะ | ช่องแช่แข็ง | 6 เดือน | 2 – 3 ปี |
| เป็ด ห่าน เนื้อสัตว์ปีก | ช่องแช่แข็ง | 6 เดือน | 2 – 3 ปี |
| เนื้อสับ / เนื้อบด | ช่องแช่แข็ง | 4 เดือน | 1 ปี |
| ปลา | ช่องแช่แข็ง | 3 – 12 เดือน | 2 ปี |
| กุ้ง | ช่องแช่แข็ง | 6 – 12 เดือน | 1 – 2 ปี |
| ปู | ช่องแช่แข็ง | 2 เดือน | 8 – 10 เดือน |
2. ผัก (Vegetables)
มีผักไว้กินนอกฤดูกาลได้ง่าย ๆ ด้วยการซีลสูญญากาศเก็บไว้ในช่องแช่แข็ง ผักจะอยู่ได้นานถึง 2 – 3 ปี
| ประเภทผัก | สถานที่เก็บ | ไม่ซีลสูญญากาศ | ซีลสูญญากาศ |
| บรอกโคลี | ช่องแช่แข็ง | 8 เดือน | 2 – 3 ปี |
| ข้าวโพด | ช่องแช่แข็ง | 8 เดือน | 2 – 3 ปี |
| ถั่วฝักยาว | ช่องแช่แข็ง | 8 เดือน | 2 – 3 ปี |
| หน่อไม้ฝรั่ง | ช่องแช่แข็ง | 8 เดือน | 2 – 3 ปี |
| กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก | ช่องแช่แข็ง | 8 เดือน | 2 – 3 ปี |
| ถั่วลันเตา | ช่องแช่แข็ง | 8 เดือน | 2 – 3 ปี |
3. ผลไม้ (Fruits)
ผลไม้ ของว่างที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุด หากซีลสูญญากาศเก็บไว้ จะช่วยคงคุณค่าทางโภชนาการของผลไม้ไว้ได้นานหลายเดือน
| ประเภทผลไม้ | สถานที่เก็บ | ไม่ซีลสูญญากาศ | ซีลสูญญากาศ |
| มะเขือเทศ | ช่องแช่แข็ง | 1 – 2 สัปดาห์ | 6 – 12 เดือน |
| มะม่วง | ช่องแช่แข็ง | 6 – 12 เดือน | 1 – 3 ปี |
| ลูกพีช | ช่องแช่แข็ง | 6 – 12 เดือน | 1 – 3 ปี |
| แอปริคอต | ช่องแช่แข็ง | 6 – 12 เดือน | 1 – 3 ปี |
| สับปะรด | ช่องแช่แข็ง | 1 – 2 สัปดาห์ | 4 สัปดาห์ |
| แอปเปิ้ล | ช่องแช่เย็น | 1 – 4 สัปดาห์ | 2 เดือน |
| สตรอว์เบอร์รี | ช่องแช่แข็ง / ช่องแช่เย็น | 1 – 3 วัน / 3 เดือน | 1 สัปดาห์ / 6 เดือน |
| องุ่น | ช่องแช่แข็ง / ช่องแช่เย็น | 4 – 6 วัน / 4 เดือน | 2 สัปดาห์ / 8 เดือน |
4. เบเกอรี่ (Bakery)
การซีลสูญญากาศ เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเก็บเบเกอรี่ให้อยู่ได้นาน โดยไม่ต้องทิ้งส่วนผสมที่เหลือ
| ประเภทเบเกอรี่ | สถานที่เก็บ | ไม่ซีลสูญญากาศ | ซีลสูญญากาศ |
| มัฟฟิน | ช่องแช่แข็ง | 6-12 เดือน | 2 ปี |
| วาฟเฟิล | ช่องแช่แข็ง | 1 เดือน | 1 ปี |
| แป้งคุกกี้ | ช่องแช่เย็น / ช่องแช่แข็ง | 1 – 2 วัน / 3 เดือน | 1 ปี |
| ขนมปัง เบเกิล และขนมอบ | ช่องแช่เย็น / ช่องแช่แข็ง | 2 – 3 เดือน | 1 – 3 ปี |
| คุกกี้ (บรรจุกล่อง) | ช่องแช่เย็น / ช่องแช่แข็ง | 1 เดือน / 12 – 18 เดือน | 3 เดือน / 2 ปี |
| คุกกี้ (ทำเอง) | ตู้เก็บอาหาร | 3 – 5 วัน / 6 – 12 เดือน | 2 สัปดาห์ / 2 ปี |
| ครูตองซ์ | ตู้เก็บอาหาร | 6 เดือน | 1 ปี |
5. ถั่วและธัญพืช (Nuts & Grains)
ถั่วและธัญพืช ไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น แค่ซีลสูญญากาศเก็บไว้ก็อยู่ได้นานถึง 2 ปี
ประเภทถั่ว/ธัญพืช | สถานที่เก็บ | ไม่ซีลสูญญากาศ | ซีลสูญญากาศ |
| เมล็ดทานตะวัน | ตู้เก็บอาหาร | 6 เดือน | 2 ปี |
| อัลมอนด์ | ตู้เก็บอาหาร | 6 เดือน | 2 ปี |
| พิซตาชิโอ | ตู้เก็บอาหาร | 6 เดือน | 2 ปี |
| ถั่วและธัญพืชทั่วไป | ตู้เก็บอาหาร | 6 เดือน | 1 – 2 ปี |
6. กาแฟ ชา สมุนไพร (Coffee, Tea, Herb)
เช่นเดียวกับถั่วและธัญพืช เราไม่จำเป็นต้องเก็บในตู้เย็น แค่ซีลสูญญากาศ กาแฟ ชา สมุนไพร ไว้อย่างแน่นหนาและเก็บให้พ้นแสงแดด ก็อยู่ได้นานถึง 2 ปี
สมุนไพร ชา กาแฟ | สถานที่เก็บ | ไม่ซีลสูญญากาศ | ซีลสูญญากาศ |
| สมุนไพร | ตู้เก็บอาหาร | 1 ปี | 1 – 3 ปี |
| เครื่องเทศ | ตู้เก็บอาหาร | 6 เดือน | 1 ปี |
| เมล็ดกาแฟ | ตู้เก็บอาหาร / ช่องแช่แข็ง | 1 – 3 เดือน / 6 – 8 เดือน | 1 ปี / 2 – 3 ปี |
| กาแฟบด | ตู้เก็บอาหาร / ช่องแช่แข็ง | 1 – 2 เดือน / 4 – 6 เดือน | 5 เดือน / 2 ปี |
| ชา | ตู้เก็บอาหาร / ช่องแช่แข็ง | 8 – 12 เดือน | 1 – 2 ปี |
7. อาหารประเภทผง (Powdery Foods)
ซีลสูญญากาศ อยู่ได้กี่วัน หากเป็นอาหารประเภทผง จะอยู่ได้นาน 2 ปี เพราะการซีลสูญญากาศ จะช่วยป้องกันอากาศและความชื้นเข้าไป
ประเภท | สถานที่เก็บ | ไม่ซีลสูญญากาศ | ซีลสูญญากาศ |
| แป้ง | ตู้เก็บอาหาร | 5 – 6 เดือน | 1 – 2 ปี |
| แป้ง (โฮลวีตหรือข้าวสาลี) | ตู้เก็บอาหาร | 5 – 6 เดือน | 1 – 2 ปี |
| นมผง | ตู้เก็บอาหาร | 5 – 6 เดือน | 1 – 2 ปี |
| ผงฟู | ตู้เก็บอาหาร | 18 เดือน | 2 ปี |
| เจลาติน | ตู้เก็บอาหาร | 18 เดือน | 2 ปี |
| น้ำตาลทราย | ตู้เก็บอาหาร | 5 – 6 เดือน | 1 – 2 ปี |
8. อาหารแห้ง (Dry Foods)
อาหารแห้ง เช่น เส้นพาสต้า ข้าว ซีเรียล หากซีลด้วยสูญญากาศ จะช่วยป้องกันฝุ่น แมลง หรือศัตรูพืชได้ 100 % เก็บไว้กินได้ยาว ๆ
ประเภท | สถานที่เก็บ | ไม่ซีลสูญญากาศ | ซีลสูญญากาศ |
| พาสต้า | ตู้เก็บอาหาร | 1 – 2 ปี | 2 – 3 ปี |
| ข้าวกล้อง | ตู้เก็บอาหาร | 6 เดือน | 1 ปี |
| ซีเรียลพร้อมทาน | ตู้เก็บอาหาร | 1 ปี | 2 ปี |
| แครกเกอร์ | ตู้เก็บอาหาร | 1 – 2 สัปดาห์ | 4 – 8 สัปดาห์ |
| มันฝรั่งทอดกรอบ | ตู้เก็บอาหาร | 1 – 2 สัปดาห์ | 4 – 8 สัปดาห์ |
9. อาหารที่มีลักษณะเป็นของเหลว (Liquid Foods)
การซีลสูญญากาศ ซอส สตูว์ และของเหลวอื่น ๆ ที่ปรุงแล้ว ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการทำให้อยู่ได้นานขึ้น แต่อย่าลืมพักอาหารให้เย็นลงก่อนซีลสูญญากาศล่ะ
ประเภท | สถานที่เก็บ | ไม่ซีลสูญญากาศ | ซีลสูญญากาศ |
| ซุป | ช่องแช่แข็ง | 3 – 6 เดือน | 1 – 2 ปี |
| ซอส | ช่องแช่แข็ง | 3 – 6 เดือน | 1 – 2 ปี |
| สตูว์ | ช่องแช่แข็ง | 3 – 6 เดือน | 1 – 2 ปี |
| น้ำมัน (ไม่มีสารกันบูด) | ช่องแช่แข็ง | 3 – 6 เดือน | 1 – 2 ปี |
ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการเก็บรักษา
แม้การซีลสูญญากาศจะช่วยยืดอายุอาหารออกไปได้หลายเท่า แต่ระยะเวลาการเก็บจริงก็ขึ้นอยู่กับ “หลายปัจจัยร่วมกัน” ทั้งคุณภาพของวัตถุดิบ วัสดุที่ใช้ซีล และอุณหภูมิในการเก็บรักษา หากเข้าใจหลักการเหล่านี้ จะช่วยให้เก็บอาหารได้ปลอดภัยและมีคุณภาพสูงสุด
1. ประเภทของอาหาร
อาหารแต่ละชนิดมีโครงสร้างและความชื้นต่างกัน ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออายุการเก็บ
- อาหารสดที่มีน้ำมาก เช่น ผัก ผลไม้ จะเน่าเสียง่ายกว่าอาหารแห้ง
- เนื้อสัตว์ มีไขมันและโปรตีนสูง จึงควรเก็บในอุณหภูมิต่ำเพื่อป้องกันการเหม็นหืน
- อาหารแห้ง เช่น ถั่ว ธัญพืช หรือกาแฟ จะอยู่ได้นานที่สุดเมื่อซีลสูญญากาศ
2.ความสะอาดของวัตถุดิบและภาชนะ
ความสะอาดคือหัวใจของการซีลอาหาร เพราะจุลินทรีย์และแบคทีเรียที่หลงเหลืออยู่สามารถเจริญเติบโตได้แม้ในสภาพไร้อากาศ
- ควร ล้างและผึ่งให้แห้ง ก่อนซีลทุกครั้ง
- ห้ามซีลอาหารที่เริ่มบูดหรือมีกลิ่นผิดปกติ
- ถุงและเครื่องซีลต้องสะอาด ปราศจากไขมันหรือเศษอาหารติด
3.อุณหภูมิในการเก็บรักษา
การซีลสามารถช่วยป้องกันอากาศและถนอมอาหารได้ก็จริง แต่ไม่ได้ยับยั้งเชื้อจุลินทรีย์ทั้งหมด จึงจำเป็นต้องเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสมเสมอ
- อุณหภูมิห้อง (25–30°C): เหมาะกับอาหารแห้งเท่านั้น
- ตู้เย็น (0–4°C): สำหรับอาหารสดและอาหารปรุงสุก
- ตู้แช่แข็ง (-18°C): ยืดอายุได้สูงสุด เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล
4.คุณภาพของถุงซีลและการปิดผนึก
ถุงซีลที่ดีต้องสามารถกันอากาศ ความชื้น และกลิ่นได้ 100%
- ถุงที่แนะนำ: ไนลอน/PE หนา 70–100 ไมครอน
- หลีกเลี่ยงถุงบางหรือถุงธรรมดา เพราะอากาศอาจซึมเข้าได้
- ตรวจสอบแนวซีลทุกครั้ง ไม่ควรมีฟองอากาศหรือรอยรั่ว
5. วิธีการเตรียมและจัดเก็บ
- อาหารที่ปรุงสุกควร รอให้เย็นก่อนซีล เพื่อป้องกันไอน้ำเกาะ
- จัดเก็บในที่แห้ง หลีกเลี่ยงแสงแดดและความร้อน
- เขียนวันที่ซีล ไว้บนถุง เพื่อควบคุมอายุอาหารได้ง่าย
6. การใช้เทคนิคเสริม เช่น การลวกหรือดูดอากาศสองรอบ
บางกรณี เช่น ผักใบเขียวหรืออาหารที่มีเอนไซม์สูง อาจต้องใช้เทคนิคเสริม เช่น
- การลวกสั้น ๆ (Blanching): เพื่อยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนสี
- การดูดอากาศสองรอบ: สำหรับอาหารที่มีของเหลวมาก เพื่อให้แน่ใจว่าซีลแน่นสนิท
ซีลสูญญากาศอาหารยังไงให้อยู่ได้นานที่สุด?

การซีลสูญญากาศอาหารให้อยู่ได้นาน ต้องเริ่มจากการเตรียมวัตถุดิบ เราต้องเลือก วัตถุดิบที่สดใหม่ มีการปนเปื้อนจุลินทรีย์หรือแบคทีเรียน้อยที่สุด ส่วนในขั้นตอนการซีลสูญญากาศ ต้องทำอย่างระมัดระวัง อย่างแรกเลย แนะนำให้เลือก ถุงซีลสูญญากาศ ให้เหมาะกับอาหาร มีความเหนียว ทนทาน และเลือก เครื่องซีลสูญญากาศ ที่มีมาตรฐาน ซีลแน่น ดูดอากาศออกหมด และที่สำคัญเมื่อซีลเสร็จแล้วอย่าลืมเช็กให้ละเอียดว่า ถุงปิดแน่นและไม่รั่วซึม 100% หากเก็บในตู้กับข้าวหรือนอกตู้เย็น ต้องเก็บให้พ้นแสงแดด เพื่อให้อาหารเก็บได้ตามระยะเวลาที่ควรจะเป็น และอย่าลืมเขียนวันที่ซีลสูญญากาศและข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ไว้กันลืมด้วยนะ เพราะเราต้องเก็บไว้นานหลายเดือนหลายปี
หวังว่าบทความนี้จะทำให้ทุกคนได้คำตอบว่า ซีลสูญญากาศ อยู่ได้กี่วัน รวมถึงรู้เทคนิควิธีซีลสูญญากาศให้มีประสิทธิภาพขึ้น หากท่านใดมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามเกี่ยวกับการซีลสูญญากาศ สามารถคอมเมนต์ไว้ด้านล่างได้เลย
บทความแนะนำ
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย




