รู้จัก แชมเปญ รสชาติเป็นอย่างไร กินกับอะไรดีที่สุด
แชมเปญ รสชาติเป็นอย่างไร กินกับอะไรดีที่สุด SGE มีคำตอบ พร้อมบอกวิธีเลือกแก้วไวน์ ควรจัดเก็บ Champagne ที่อุณหภูมิกี่องศา
ใครอยากดื่มแชมเปญ เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษ แล้วอยากรู้เคล็ดลับต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อให้ดื่มได้อย่างมีอรรถรสมากขึ้นแล้วละก็ ตามมาดูกันเลย
แแชมเปญ คือ
แชมเปญ คือ Sparkling wine ที่ผลิตในแคว้นชองปาญ (champagne) ประเทศฝรั่งเศส ทำจากองุ่น 3 ชนิด คือ ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) และ ปิโนต์ มูนิเยร์ (Pinot Meunier) 3 ชนิด นำมาเบลนด์ผสมกัน พร้อมกับเติม น้ำตาลอ้อย เพื่อให้เกิดการหมักบ่มและมีรสหวาน หรือที่เรียกว่า การ Refermentation ทำให้ได้ไวน์มีฟอง รสชาติดี ที่มีความซาบซ่า ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า
ใครคิดค้น แชมเปญ
ดง ปีแยร์ เปรีญง (Dom Pierre Pérignon) นักบุญศาสนาคริสต์ นิกายเบเนดิกต์ ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 เป็นผู้คิดค้นแชมเปญ โดยการนำเอาองุ่น 3 สายพันธุ์ คือ ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Noir) และ ปิโนต์ มูนิเยร์ (Pinot Meunier) 3 ชนิด นำมาเบลนด์ผสมกัน พร้อมกับ เติมน้ำตาลอ้อยลงไป เพื่อให้เกิดการหมักบ่มและมีรสหวาน
เมื่อหมักทิ้งไว้ในขวดแก้วนาน ๆ บวกกับ อากาศอันหนาวเย็น ของแคว้นชองปาญ ทำให้ยีสต์ในไวน์หยุดทำงานลงไปชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่ยีสต์จะกลับมาทำงานอีกครั้ง เมื่ออากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ส่งผลให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ขึ้นระหว่างการหมัก หรือที่เรียกว่า การ Refermentation ทำให้ไวน์มีฟอง และ มีความซ่า จนกลายเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร เมื่อเขาได้ลองดื่มผลงานทดลองของตนเอง ก็ถึงกับพูดว่า “Come quickly, I am tasting the stars!” จนกลายเป็นวรรคทอง ที่บรรยายถึงรสชาติของแชมเปญได้เป็นอย่างดี
แชมเปญ ทำจากองุ่นอะไร
แชมเปญส่วนใหญ่ผลิตจากองุ่น 3 สายพันธุ์คือ ชาร์ดอนเนย์ (Chardonnay) ปิโนต์ นัวร์ (Pinot Nior) และ ปิโนต์ มูนิเยร์ (Pinot Meunier) แต่ปัจจุบัน มีพันธุ์องุ่นที่ได้รับอนุญาตให้นำมาผลิตแชมเปญอีกถึง 4 สายพันธุ์ ได้แก่ Arbanne, Petit Meslier, Pinot Blanc และ Pinot Gris อีกด้วย โดยสัดส่วนขององุ่นแต่ละสายพันธุ์ ที่นำมาเบลนด์ผสมกันนั้น มีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแต่ละแบรนด์ผู้ผลิต
แชมเปญ มีกี่ประเภท
ประเภทองุ่นที่ใช้ในการผลิต
- Blanc de Blancs : ใช้องุ่น Chardonnay ในการผลิต 100% มีสีเหลืองทอง ดื่มแล้วได้กลิ่นของควัน ไม้ คและ แร่ธาตุต่าง ๆ ให้รสสัมผัสครีมมี่ นุ่มนวล
- Blanc de Noirs : เป็นแชมเปญที่ผลิตจากองุ่นแดง Pinot Noir ผสมกับ Pinot Meunier มีสีขาวอมชมพูเล็กน้อย มีกลิ่นและรสชาติของผลไม้ตระกูลเบอร์รีต่าง ๆ
- Rosé : แชมเปญสีชมพู มีวิธีผลิต 2 วิธี คือ วิธี saignée เป็นการเอาเปลือกองุ่นแดงไปแช่ในน้ำองุ่นใสขององุ่นแดงเป็นเวลาสั้น ๆ ให้รสฝาดและสีของเปลือกอยู่ในตัวน้ำองุ่น กลายเป็นสีชมพูอ่อน ๆ กับ วิธีที่เรียกว่า d’assemblage ที่ได้รับความนิยมมากกว่า โดยผสมไวน์แดงเล็กน้อยลงไปในแชมเปญ มีรสชาติของเรดฟรุ๊ต และ สตรอว์เบอร์รี
ระยะเวลาในการหมักบ่ม
- Vintage Champagne : เป็นแชมเปญที่ผลิตจากองุ่นที่เก็บเกี่ยวในปีเดียวกันเท่านั้น จะมีระยะเวลาในการหมักบ่มอย่างน้อย 3 ปี
- Non-vintage Champagne : ใช้องุ่นจากหลาย ๆ ปี ในการผลิต มีช่วงเวลาหมักบ่ม ไม่เกิน 15 เดือน
- Cuvée de prestige : เป็นแชมเปญที่ผลิตจากองุ่นที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี นำมาคั้นน้ำองุ่นในน้ำแรก ซึ่งเรียกว่า Cuvée มีปริมาณที่น้อยมากในแต่ละปี ทำให้เป็นแชมเปญระดับ Luxury และ มีราคาแพงที่สุด เป็นได้ทั้งแชมเปญแบบ Non-vintage หรือ Vintage ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบ Vintage
ทำไม Champagne ได้รับความนิยมจากคนทั่วโลก
เดิมคนฝรั่งเศสนิยมดื่มไวน์แดง ไวน์ขาวธรรมดามากกว่า ทำให้ไวน์มีฟองอย่าง แชมเปญ ถูกมองว่าเป็น ไวน์เสีย หรือ ไวน์มีตำหนิ แต่เมื่อแชมเปญถูกนำไปอังกฤษ ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 กลับได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเมื่อเปิดขวดไวน์ แล้วมีเสียง ป๊อป ! พร้อมกับเกิดแรงดันของก๊าซ อัดไวน์ให้พวยพุ่งขึ้นมากลางอากาศ ทำให้กับกลุ่มชนชั้นสูงและเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์อังกฤษ รู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ แชมเปญ เริ่มได้รับความนิยมตั้งแต่นั้น จนกลายเป็น Sparkling wine ที่คนนิยมทั่วโลก โดยนิยมดื่มสำหรับเฉลิมฉลองในโอกาสพิเศษ ไม่ว่าจะเป็น งานปาร์ตี้สังสรรค์ งานรื่นเริงต่าง ๆ รวมถึง งานฉลองชัยชนะในการแข่งขันกีฬา เป็นต้น
แชมเปญ รสชาติ
รสชาติของแชมเปญ จะมีความซาบซ่า ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า มีกลิ่นและรสชาติของดอกไม้สีขาว ดอกไวโอเลต ลูกพีช เชอร์รี่ เลม่อน และ แอปเปิ้ลสีเขียว สำหรับระดับความหวานนั้น มีตั้งแต่ไม่หวานถึงหวานมาก ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำตาลอ้อยที่ใส่ลงไป โดยระดับความหวานของแชมเปญ มี 7 ระดับ คือ
- Brut Nature = Driest (ไม่หวานเลย)
- Extra Brut = Very Dry (ไม่หวาน)
- Brut = Very Dry (ไม่หวาน) – Dry (หวานน้อย)
- Extra-Sec หรือ Extra-Dry = Dry (หวานน้อย) – Medium Dry (ค่อนข้างหวาน)
- Sec = Medium Dry (ค่อนข้างหวาน)
- Demi-Sec = Sweet (หวาน)
- Doux = Luscious หรือ Super-Sweet (หวานมาก)
แชมเปญ กินกับอะไรดี
แชมเปญกินกับอาหารได้หลากหลาย แต่ถ้าหากอยากให้เข้ากัน ช่วยเสริมให้มื้ออาหารนั้น ๆ อร่อยมากขึ้นแล้วละก็ ควรจับคู่กับอาหาร โดยคำนึงถึง ระดับความหวาน และ ประเภทองุ่นที่ใช้ผลิตแชมเปญ ด้วย ซึ่งสามารถจับคู่แชมเปญกับอาหารได้ ดังนี้
- Brut Nature – Extra Brut : มีรสไม่หวาน เหมาะกินคู่กับเนื้อสัตว์ และ อาหารที่ไม่มีรสจัด เช่น กุ้งล็อบสเตอร์ หรือ ไก่ย่าง เป็นต้น
- Brut : มีรสไม่หวานถึงหวานน้อย เหมาะกินคู่กับเนื้อสัตว์ รวมถึง ของทอดต่าง ๆ เช่น สเต็ก เฟรนช์ฟรายส์ ไก่ทอด
- Extra Sec – Doux : มีรสหวานอร่อย เหมาะกินคู่กับอาหารทะเล และ ของขบเคี้ยว เช่น ปลาหมึก ป๊อปคอร์น
- Blanc De Blancs : มีความครีมมี่ นุ่มนวล เหมาะกินกับอาหารทะเล ที่มีกลิ่นคาวมาก เช่น หอยนางรมสด ปลาเนื้อขาว ไข่คาเวียร์
- Blanc De Noir – Rosé : เหมาะกินคู่กับอาหารทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัตว์ แป้ง อาหารทะเล และ อาหารที่มีรสเผ็ดจัด เช่น สเต็ก พิซซ่า ปลาแซลม่อน แกงเผ็ด ต้มยำ เป็นต้น
Champagne เหมาะกับแก้วไวน์แบบไหน
ด้วย Champagne มีกิมมิค คือ มีฟองฟู่ที่ลอยขึ้นมา จึงควรใช้ แก้วไวน์ทรงสูง เช่น Flute ในการเสิร์ฟ เพราะด้วยดีไซน์ของแก้วที่สูง และ เพรียวบาง จะทำให้ฟองลอยขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เพิ่มความสวยงาม และ ยังช่วยกักเก็บความเย็นของแชมเปญได้ดีอีกด้วย ทั้งนี้ หากเป็นแชมเปญที่มีรสหวาน เช่น Blanc De Blancs แนะนำให้ใช้แก้วไวน์ Tulip, Wide-Tulip เพราะจะทำให้กลิ่นหอมหวานของไวน์ลอยโชยขึ้นมา ช่วยให้สัมผัสกลิ่นและรสชาติได้ดีมากยิ่งขึ้น
Champagne ควรเก็บที่อุณหภูมิกี่องศา
การจัดเก็บ Champagne ควรแช่ที่อุณหภูมิ 12-15 องศาเซลเซียส และวางขวดตามแนวนอนเพื่อไม่ให้จุกคอร์กแห้ง ซึ่งจะทำให้เกิดการหดตัวของจุกคอร์ก แล ะเกิดความเสียหายจากแบคทีเรียได้
รู้จัก แชมเปญ กันไปแล้ว หากใครอยากดื่ม Sparkling wine ที่ความซาบซ่า ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แฝงไปด้วยความครีมมี่ นุ่มนวล เหมาะสำหรับดื่มเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสพิเศษแล้วละก็ ลองไปหาซื้อ Champagne มาดื่มกันได้เลย รับรองว่า ฟองขึ้นฟูสวยงาม หอมหวานอร่อย แน่นอน
สำหรับใครที่สนใจ อยากดื่มแชมเปญ แล้วยังไม่มีตู้แช่ไวน์ สำหรับเก็บไวน์ให้มีอุณหภูมิที่เหมาะสม คงรสชาติและคุณภาพไว้ได้เป็นอย่างดีแล้วละก็ ขอแนะนำ ตู้แช่ไวน์ ตู้จ่ายไวน์ รุ่นใหม่ล่าสุด จาก SGE มาพร้อมฟังค์ชั่นสุดพิเศษ! ที่จะทำให้เก็บไวน์ได้คุณภาพไปอีกขั้น ✓ควบคุมอุณหภูมิ (5 – 20 องศาเซลเซียส) ✓หน้าจอระบบสัมผัส ✓ระบบไฟ LED ✓ชั้นวางวัสดุคุณภาพ ✓ละลายน้ำแข็งอัตโนมัติ ✓รักษาความสะอาดปลอดสาร CFC ✓ประหยัดพลังงาน สนใจตู้แช่ไวน์ ตู้จ่ายไวน์ คลิกเลย >> https://www.sgethai.com/wine-cellar/หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมทาง โทรศัพท์ Line ของเราได้เลย
บทความที่น่าสนใจ
30 มกราคม 2024
โดย
Pres