เรื่องน่ารู้ “ถั่วลิสง” มีประโยชน์และโทษที่ใครยังไม่รู้
ถั่วลิสง ที่หลาย ๆ คนชอบรับประทานเป็นอาหารว่าง เพื่อแก้หิว หรือเพื่อแก้อาหารอ่อนล้าทางร่างกายได้แล้ว ยังมีประโยชน์มากมาย รวมถึงถั่วลิสงก็ยังมีอันตรายสำหรับคนบางกลุ่ม ถ้าหากใช้หรือรับประทานในปริมาณที่ไม่เหมาะสม บทความนี้ SGE จะพาทุกคนไปรู้จักกับ “ถั่วลิสง” ให้มากขึ้นกัน
ถั่วลิสง คืออะไร?
ถั่วลิสง(Peanut) คือ พืชตระกูลถั่ว เมื่อนำมาปรุงสุก จะมีรสชาติหวานมัน และมีสรรพคุณต่อร่างกายช่วยบำรุงปอด กระเพาะอาหาร กระตุ้นน้ำนมในหญิงให้นมบุตร และช่วยสำหรับคนที่มีร่างกายอ่อนแอ หรือแม้แต่ในหญิงที่มีอาการแพ้ท้อง รวมไปถึงช่วยชะลอวัย และบำรุงสมองอีกด้วย

ถั่วลิสงเป็นพืชล้มลุกเนื้ออ่อน เป็นพุ่มเตี้ย ลำต้นราบไปตามพื้นดิน ใบประกอบด้วยใบย่อย ดอกขนาดเล็ก สีเหลือง เมื่อผสมเกสรแล้ว ก้านรัง-ไข่แทงลงใต้ดิน ฝักเติบโตใต้ดิน แต่ละฝักมีเมล็ด 1-5 เมล็ด ฝักยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร เปลือกนอกสีน้ำตาลอ่อน ค่อนข้างหนา ขรุขระ เปลือกหุ้มเมล็ดสีน้ำตาล หรือม่วง
ถิ่นกำเนิดดั้งเดิมของถั่วลิสง อยู่ในทวีปอเมริกาเขตร้อน ปัจจุบันถูกนำไปปลูกในประเทศเขตร้อนทั่วโลก เป็นพืชตระกูลถั่วที่ปลูกกันมากที่สุดรองลงมาจากถั่วเหลืองเท่านั้น ในประเทศไทยสันนิษฐานว่า ถั่วลิสงเข้ามาในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี หลังจากมีการติดต่อกับชาวตะวันตกแล้ว ถั่วลิสงนับเป็นถั่วยอดนิยมของชาวไทยมาเนิ่นนานตราบจนปัจจุบัน
ประโยชน์ของถั่วลิสง มีอะไรบ้าง?
- ถั่วลิสงประโยชน์ทางโภชนาการสูง และเป็นแหล่งของโปรตีน และพลังงานสูง รวมถึงมีกรดอะมิโนอีกหลายชนิดที่จำเป็นต่อร่างกาย
- ใช้เป็นส่วนประกอบในอาหารคาวหวานต่าง ๆ
- ถั่วลิสงสามารถนำมาเพาะเป็นถั่วงอกได้เช่นเดียวกับถั่วเขียว
- น้ำมันจากถั่วลิสง สามารถนำมาใช้แทนน้ำมันมะกอกเพื่อปรุงอาหาร มีคุณสมบัติช่วยลดคอเลสเตอรอล และไม่ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอนุมูลอิสระ
- สำหรับถั่วลิสงป่า ที่เป็นพืชยืนต้น สามารถนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้
- ลำต้น และใบของถั่วลิสง นำมาใช้ทำปุ๋ย และเป็นอาหารของสัตว์เคี้ยวเอื้องได้
- ถั่วลิสงยังนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้อย่างหลากหลาย
- ถั่วลิสงมีน้ำมันประมาณ 47% จึงนิยมนำเมล็ดของถั่วของลิสง ไปใช้ในอุตสาหกรรมสกัดน้ำมัน
นอกจากที่กล่าวมาข้างต้น ประโยชน์ของถั่วลิสงนี้ ยังใช้ในอุตสาหกรรมทำสบู่ หรือแชมพู อุตสาหกรรมปั่นด้าย ใช้ทำน้ำมันหล่อลื่น สำหรับเครื่องจักรได้อีกทางด้วย
สารอาหารในถั่วลิสง เป็นอย่างไร?
สารอาหารต่าง ๆ ทางโภชนาการของถั่วลิสง ในปริมาณ 100 กรัม
- พลังงาน 570 กิโลแคลอรี่
- คาร์โบไฮเดรต 21 กรัม
- น้ำ 4.26 กรัม
- น้ำตาล 0 กรัม
- เส้นใย 9 กรัม
- ไขมัน 48 กรัม
- ไขมันอิ่มตัว 7 กรัม
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 24 กรัม
- ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน 16 กรัม
- โปรตีน 25 กรัม
- วิตามินบี 1 0.6 มิลลิกรัม 52%
- วิตามินบี 3 12.9 มิลลิกรัม 86%
- วิตามินบี 6 1.8 มิลลิกรัม 36%
- วิตามินบี 9 246 ไมโครกรัม 62%
- วิตามินซี 0 มิลลิกรัม
- ธาตุแคลเซียม 62 มิลลิกรัม 6%
- ธาตุเหล็ก 2 มิลลิกรัม 15%
- ธาตุแมกนีเซียม 184 มิลลิกรัม 52%
- ธาตุฟอสฟอรัส 336 มิลลิกรัม 48%
- ธาตุโพแทสเซียม 332 มิลลิกรัม 7%
- ธาตุสังกะสี 3.3 มิลลิกรัม 35%
ถั่วลิสงกินเยอะ แล้วอ้วนไหม?
- ก่อนอื่นควรคำนึงว่าจะรับประทานถั่วลิสงกี่แคล จึงจะช่วยลดน้ำหนักและความอ้วนได้
- ถั่วลิสงมีไขมันไม่อิ่มตัว ซึ่งทำให้อิ่มท้องนาน ทำให้รับประทานอาหารได้น้อยลง
- ยังช่วยยับยั้งไขมันเลว ที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย ด้วยการรับประทานแบบดิบ ๆ หรือนำมาต้มแล้ว
- ไม่ควรรับประทานเกิน 1 กำมือ หรือจะรับประทานเป็นอาหารว่างไม่เกินครั้งละ 17 เม็ด หรือประมาณ 1 ฝ่ามือเล็ก ๆ ซึ่งจะให้พลังงานประมาณ 100 กิโลแคลอรี่
- การรับประทานถั่วคั่ว ถั่วทอด ถั่วอบ ซึ่งผ่านความร้อน และน้ำมัน ทำให้ไขมันไม่อิ่มตัวที่มีในถั่วลิสงหายไป หากรับประทานในปริมาณมาก ๆ หรือตามใจปาก ก็ทำให้อ้วนได้
- หากต้องการรู้ว่าควรรับประทานถั่วลิสงอย่างไรถึงจะไม่อ้วน ให้เทียบน้ำหนักของถั่วลิสงดิบที่ 100 กรัม จะให้พลังงาน 570 กิโลแคลอรี่ ต่อความต้องการพลังงานของแต่ละคน ซึ่งผู้ชาย ต้องการปริมาณแคลอรี่ที่ใช้เป็นพลังงานต่อวัน 1,800-2,500 กิโลแคลอรี่ ผู้หญิง ต้องการปริมาณแคลอรี่ที่ใช้เป็นพลังงานต่อวัน 1,500-2,000 กิโลแคลอรี่
ถั่วลิสงต้ม อันตรายอย่างไร?
ถ้าจะสังเกตว่า ถั่วลิสงต้มอันตรายได้อย่างไร ให้ดูที่บริเวณเปลือก ถ้าหากมีจุดสีดำ ๆ คล้ายลักษณะของเชื้อรา หรือมีสีผิดแปลกออกไป ก็ควรหลีกเลี่ยงไม่รับประทาน เนื่องจาก เสี่ยงปนเปื้อนจาก อะฟลาทอกซิน สารพิษก่อมะเร็งร้ายแรง โดยผู้ที่ได้รับอะฟลาทอกซิน ส่วนใหญ่จะยังไม่แสดงอาการในระยะแรก ๆ จนเมื่อมีอาการเรื้อรังแล้ว คือ กินอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้อรา แล้วเชื้อรานั้น สร้างสารอะฟลาทอกซิน ทำให้เกิดการอักเสบของตับเรื้อรัง เกิดภาวะตับแข็ง ก่อเกิดมะเร็งตับ และอาจมีผลต่อระบบไต หัวใจ

หากต้องการจะใช้ประโยชน์ของถั่วลิสง ก็ควรจะซื้อแค่เพียงพอต่อการใช้ ไม่ควรซื้อมาเก็บไว้นาน ๆ เพราะคิดว่าเป็นประเภทอาหารแห้ง และควรหลีกเลี่ยงถั่วลิสงที่ดูเก่า มีความชื้น หรือมีกลิ่นหืน เพราะอาจจะมีโอกาสปนเปื้อนอะฟลาทอกซินสูงมาก รวมถึงควรเลือกซื้อจากร้านที่มีบรรจุห่อปิดสนิท มีวันผลิต และวันหมดอายุชัดเจน หรือร้านที่มีการทำแบบสดใหม่ เพื่อป้องกันการได้รับสารอันตรายเข้าร่างกายแบบที่ไม่รู้ตัว
ส่งท้ายสักนิด ทานถั่วอย่างไรให้ได้ประโยชน์
- สำหรับผู้ที่พึ่งหัดกินถั่วใหม่ ๆ หรือปกติไม่ได้กินถั่วเป็นประจำนั้น ให้เริ่มกินแต่น้อย ๆ เช่น สัปดาห์ละ 2 ครั้ง จากนั้น จึงค่อยเพิ่มความถี่ให้มากขึ้น เพื่อให้ระบบย่อยอาหารของร่างกายปรับตัว
- ควรแช่เมล็ดถั่วในน้ำเปล่า เป็นเวลา 12-24 ชั่วโมง ก่อนนำไปปรุงอาหาร จะช่วยให้แป้ง หรือ oligo-saccharide บางส่วนที่ย่อยยากนั้น สามารถย่อยได้มากขึ้น
- เลือกชนิดของถั่วที่จะนำมากิน ทั้งนี้ถั่วแต่ละชนิดนั้น ทำให้เกิดแก๊สไม่เท่ากัน เช่น ถั่วขาว และถั่วเหลืองจะมีแก๊สมาก ส่วนถั่วดำ ถั่วแดง และถั่วเขียว จะมีแก๊สน้อยกว่า นอกจากนี้ ถั่วเมล็ดแห้ง ก็จะทำให้เกิดแก๊สในท้องมากกว่าถั่วสำเร็จรูปที่บรรจุกระป๋อง
- เวลากินถั่ว ควรเคี้ยวให้ละเอียดมากที่สุด เพราะเอนไซม์ในน้ำลายนั้น จะทำหน้าที่ช่วยย่อยแป้งได้ดี
- เนื่องจากในถั่วมีสารประเภทกรดไฟติก หรือไฟเทต ซึ่งเป็นสารที่มีฤทธิ์ยับยั้งการดูดซึมแร่ธาตุบางชนิด เช่น เหล็ก สังกะสี และแคลเซียม ดังนั้น จึงควรกินถั่วที่ปรุงสุกแล้ว ถั่วที่ผ่านการงอก หรือกระบวนการหมักมาแล้ว เพื่อลดปริมาณสารไฟเทต
- ปริมาณที่แนะนำในการกินถั่ว คือ ครึ่งถ้วย หรือ 64 กรัม และใน 1 สัปดาห์ ควรกินให้ได้ 3-4 ครั้ง/สัปดาห์
- การเลือกซื้อถั่ว ให้เลือกถั่วที่ผลิตใหม่ๆ เมล็ดสมบูรณ์ ไม่ลีบ ไม่ฝ่อ หรือการกัดแทะของแมลง โดยเฉพาะถั่วลิสงจะมีเชื้อรา อะฟลาทอกซิน จะขึ้นได้ง่าย หากเมล็ดของถั่วมีการแตกหัก หรือมีความชื้นสูง ดังนั้น จึงไม่ควรซื้อถั่วเก็บไว้เป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อรา หรือสร้างสารพิษอะฟลาทอกซินได้
- สำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องอืด อาหารไม่ย่อย หรืออาการไม่พึงประสงค์หลังกินถั่วเมล็ดแห้ง ถ้าปฏิบัติตามข้อ 1, 2 และ 3 แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น อาจเลือกกินถั่วในรูปแบบที่ผ่านกระบวนการงอก หรือถั่วที่ผ่านกระบวนการหมักมาแล้ว จะทำให้อาการดีขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับความรู้เรื่องถั่วลิสง ที่เรานำมาฝากกัน อย่างไรก็ตามถั่วลิสง มีทั้งประโยชน์ และโทษควรทานแต่พอดี เพื่อสุขภาพที่ดีของเรานั่นเอง
สามารถติดตาม บทความอื่นๆ ได้ที่นี่
สามารถเก็บถั่วลิสงไว้ได้นานขึ้น เมื่อยังไม่ได้นำมาใช้งาน เราอยากแนะนำสินค้าจาก SGE ไม่ว่าจะเป็น เครื่องซีลสุญญากาศ ที่ใช้ร่วมกันกับ ถุงซีลสุญญากาศ เป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้เก็บอาหารได้นานยิ่งขึ้น
แหล่งข้อมูล : Medthai, นิตยสารหมอชาวบ้าน
Leave A Comment