เชื้อรา ไมคอร์ไรซา คืออะไร? ช่วยการเจริญเติบโตพืชอย่างไร?
ไมคอร์ไรซาร์ เชื้อราไมคอร์ไรซา (Mycorrhiza) เชื้อราที่ช่วยดูดธาตุอาหาร เพิ่มความแข็งแรงให้ระบบราก และช่วยให้พืชเจริญเติบโด้ดีขึ้น
เชื้อราชนิดนี้คืออะไร? มีวิธีเพาะเชื้อแบบไหน? และมีประโยชน์ต่อการเกษตรอย่างไร? ตาม SGE ไปดูกัน!

ไมคอร์ไรซา (Mycorrhiza) คือ การอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัย ระหว่าง ฟังไจ (รา) และ รากพืช โดยต่างฝ่ายต่างมอบประโยชน์ให้ซึ่งกันและกัน พืชได้รับน้ำและธาตุอาหารจากฟังไจ(ฟอสฟอรัส ไนโตรเจน) ในขณะเดียวกันฟังไจก็ได้รับสารอาหารที่จำเป็นจากพืชผ่านระบบราก(น้ำตาล กรดอะมิโน และวิตามิน) เส้นใยของฟังไจหรือไฮฟา (hypha) ที่เจริญอยู่นอกรากและในรากของพืช ช่วยเพิ่มพื้นที่ในการดูดซึมธาตุอาหารให้พืช ส่งผลให้ “พืชที่ไมคอร์ไรอาศัยอยู่ มีอัตราการเจริญเติบโตที่สูงกว่า” นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยให้พืชรอดชีวิตเมื่อเจริญบนดินที่มีสภาพไม่เหมาะสม เช่น ดินที่มีกรดสูง ดินเค็ม และดินที่ขาดธาตุอาหาร ฯลฯ ทั้งยังช่วยป้องกันรากพืชจากการเข้าทำลายของเชื้อโรคด้วย ไมคอร์ไรซาพบในพืชดิน ส่วนใหญ่เป็น พืชเกษตร โดยเฉพาะบริเวณรากของพืชประมาณ 80-90% (ยกเว้นพืชตระกูล Brassicaceae และสมุนไพร)
ชนิดของ ไมคอร์ไรซา มีอะไรบ้าง?
Harley และ Smith (1983) ได้จําแนกชนิดของ เชื้อราไมคอร์ไรซา ออกเป็น 7 กลุ่มใหญ่ ๆ ดังนี้
- เอคโตไมคอร์ไรซา (Ectomycorrhiza) ทําหน้าที่เคลื่อนย้ายน้ำและธาตุอาหารจากดินสู่รากพืช ดูดซับและสะสมสารประกอบ ได้แก่ กลูโคส ฟรุคโตส ทรีฮาโรส แมนนิโทส ลิปิด โปรตีน ฟีนอลลิก และสารกลุ่มโพลีฟอสเฟต ช่วยเพิ่มพื้นที่ผิวของรากในการดูดซึมธาตุอาหารและน้ำ ช่วยให้พืชดูดซึมธาตุฟอสฟอรัสได้ดี และเพิ่มปริมาณธาตุอาหารในส่วนของใบ ลําต้น และรากของพืช
- อาร์บัสคูลาร์ ไมคอร์ไรซา (Arbuscular Mycorrhiza) ทำหน้าที่แลกเปลี่ยนธาตุอาหารจากรากสู่พืช และรับคาร์โบไฮเดรตจากพืชเพื่อใช้ในการเจริญเติบโต สามารถอาศัยอยู่ร่วมกับพืชได้เกือบทุกชนิด พบในระบบนิเวศที่หลากหลาย เช่น ป่าเขตร้อน ป่าโกงกาง ทุ่งหญ้าและ ทะเลทราย นอกจากนี้ยังพบพืชหลายชนิดในพืชไร่ เช่น ข้าวสาลี ข้าวโพด มะเขือเทศ และพบในพืชสวน เช่น ทุเรียน ลำไย และส้ม
- เอคเทนโดไมคอร์ไรซา (Ectendomycorrhiza) พบในพืชตระกลูสน 2 สกุล คือ สกุล Pinus และ Larix
- อีรีคอยด์ไมคอร์ไรซา ไมคอร์ไรซา (Ericoid mycorrhiza) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหาร พืชในอันดับ Ericales โดยเฉพาะพืชในวงศ์ Ericaceae, Epacridaceae และ Empetraceae มีประโยชน์สำหรับพืชที่ปลูกในดินที่มีความเป็นกรดสูง มีความสามารถในการดูดธาตุในโตรเจน สะสมไว้ในฤดูสืบพันธุ์ได้สูงกว่าพืชที่ไม่มีไมคอร์ไรซา
- โมโนโทรพอยด์ไมคอร์ไรซา (Monotropoid mycorrhiza) ส่วนใหญ่พบในพืชวงศ์ Monotropaceae สําหรับสกุล ที่พบในแถบเอเซีย ได้แก่ Cheilotheca, Monotropa และ Pleuricospora อยู่ร่วมกับไม้ป่าหลายชนิด เช่น บีช (beech) สน (pine) และ conifer ชนิดอื่น
- อาร์บูทอยด์ ไมคอร์ไรซา (Arbutoid mycorrhiza) มักพบในต้นไม้และไม้พุ่ม (shrub) ที่โตเต็มที่แล้ว
- ออร์คิด ไมคอร์ไรซา (Orchid mycorrhizas) เป็นไมคอร์ไรซาที่พบใกล้วยไม้ชนิดต่าง มีความสำคัญในการกระตุ้นการงอกของเมล็ดพืช และให้สารอาหารที่ต้นกล้าพืชต้องการในการเจริญเติบโต
ประโยชน์ของไมคอร์ไรซาร์

ในปัจจุบันมีการศึกษาเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ของ เชื้อราไมคอร์ไรซา ในการปลูกป่า โดยเฉพาะในพื้นที่ขาดความอุดมสมบูรณ์ที่มีการตัดไม้หรือทําไร่เลื่อนลอย ซึ่งหน้าดินถูกชะล้างไปมาก การปลูกกล้าไม้ที่มีฟังไจไมคอร์ไรซาอาศัยอยู่ที่ราก มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ดังนี้
- ช่วยป้องกันการติดเชื้อทางระบบรากของกล้าไม้และพืช
- เพิ่มความทนทานให้แก่ระบบราก เพิ่มผลผลิตทางการเกษตร
- พืชมีอัตราการรอดตายสูงและเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
- พืชทนต่อสภาพพื้นที่แห้งแล้ง ป้องกันโรคที่จะเกิด
- พืชซึมซับน้ำและแร่ธาตุอาหาร เช่น ฟอสฟอรัส (P) ไนโตรเจน (N) โปรแตสเซียม (K) แคลเซียม (Ca) และธาตุอื่น ๆ ช่วยในกระบวนการสังเคราะห์แสง (Photosynthesis)
- พืชทนต่อความเป็นพิษของดิน ปรับความเป็นกรด-ด่างของดินให้เหมาะกับการเจริญเติบโต
- ช่วยย่อยสลายและดูดซับธาตุอาหารจากหินแร่ในดินที่สลายตัวยาก และพวกอินทรีย์ที่ยังสลายตัวไม่หมด
- ดอกเห็ดไมคอร์ไรซาสามารถนํามาประกอบอาหาร (บางชนิดมีพิษบ้างแต่น้อย) บางชนิดใช้เป็นเห็ดสมุนไพร ช่วยเสริมสร้างระบบนิเวศ ป่าไม้อุดมสมบูรณ์มากขึ้น (Peterson et al., 2004)
การนําไปใช้สําหรับการเกษตร

1. การทําหัวเชื้อรา AMF (VA inoculum)
การใช้ดินเชื้อ (Soil inoculum) คือ การใช้ดินที่มีเชื้อไมคอร์ไรซาร์มาผสมกับดินปลูก ขั้นตอนการทำ ให้นําดินเชื้อ AMF (Arbuscular Mycorrhiza) ที่อยู่ห่างจากต้นแม่ไม่น้อยกว่า 50 ซม. ความลึกประมาณ 10 – 20 ซม. (เก็บให้มีรากเดิมติดมาด้วย) แล้วนำไปผสมกับดินปลูกในอัตรา 1:6 ถึง 1:10 ใช้เพาะเมล็ดและต้นกล้า ให้เลือกดินรากต้นแม่ที่สมบูรณ์ ปราศจากโรค และปัดกวาดซากพืชหน้าดินออกให้สะอาด ก่อนขุดดิน
ข้อดี : ประหยัดเสียค่าใช้จ่ายน้อย ทำง่าย ขั้นตอนไม่เยอะ
ข้อเสีย : ถ้าดินมีปริมาณมาก ยากต่อการขนย้าย / ไม่สามารถทราบเชื้อเห็ดรา AMF ที่เหมาะสมกับต้นกล้าใหม่ได้/ ดินอาจมีเชื้อโรคติดมาระบาด
2. การทําปุ๋ยชีวภาพไมคอร์ไรซาอัดเม็ด
เป็นการขยายเชื้อโดยใช้ Vermiculite: Peat Moss ในอัตราส่วน 28:1 แล้วผสมกับอาหารเทียม MMW ที่ปราศจาก Agar 50% เลี้ยงเชื้อได้ภายใน 3-4 เดือน ใช้คลุกดินเพาะกล้าในอัตราส่วน 1:8 ถึง 1:10
ข้อดี : ได้หัวเชื้อที่บริสุทธิ์ปราศจากเชื้อปนเปื้อน / ได้สายพันธุ์ที่เป็นพันธุ์ดี
ข้อเสีย : เทคนิคเครื่องมืออุปกรณ์ค่อนข้างซับซ้อน อาศัยความรู้และความชำนาญเป็นพิเศษ
3. การใส่ผงเชื้อให้แก่พืช
- การใส่ผงเชื้อโดยโรยผงเป็นแถบ : โรยผงเชื้อเป็นแถบข้างแถวที่ปลูกพืช ได้ผลดีในกรณีที่มีผงเชื้อในปริมาณที่จํากัด
- การผสมผงเชื้อกับดิน: คล้ายกับการใส่ผงเชื้อ แต่วิธีนี้จําเป็นต้องใช้ผงเชื้อเป็นปริมาณมากเพื่อให้เกิดการติดเชื้อ ได้เร็วและมีปริมาณการติดเชื้อสูง แต่ถ้าทำในเรือนกระจกหรือเรือนเพาะชํา สามารถผสมผงเชื้อกับดินปลูกได้เลย
4. การพอกเมล็ด คล้ายกับการพอกเมล็ดถั่วด้วยเชื้อไรโซเบียม นําเอาสปอร์หรือรากที่มีเชื้อราวีเอไมคอร์ไรซาที่ได้จากการเพาะเลี้ยงในกระถางโดยวิธีร่อนผ่านตะแกรงแบบเปียก จํานวน 35 มล. ผสมเข้ากับสารละลาย 1 % (W/V) ของ 400 – centipoise methyl cellulose จํานวน 5 มล. แล้วผสมกับเมล็ดพืช
5. การเพาะเชื้อก่อนย้ายกล้า (Pre-inoculation of transplanted seedlings) ในพืชที่มีการย้ายกล้า การเพาะเชื้อก่อนย้ายกล้าจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด มักใช้กับพืชจำพวกไม้ยืนต้น เช่น กล้าไม้ผล ไม้ป่า เป็นต้น
วิธีผลิตหัวเชื้อดินไมคอร์ไรซา

สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แนะนำวิธีการผลิตหัวเชื้อดินไมคอร์ไรซาร์ไว้ได้อย่างน่าสนใจ มีส่วนผสมและขั้นตอนการทำไม่ยาก ดังนี้
สิ่งที่ต้องเตรียม
- สปอร์ ไมคอร์ไรซา 1 กก.
- ทรายละเอียด 50 กก.
- ดิน 50 กก.
- เมล็ดพันธุ์ข้าวโพด
- บ่อซีเมนต์
- น้ำเปล่า 1 ถัง (ประมาณ 15-20ลิตร)
ขั้นตอนการทำ
- ผสมทรายละเอียด ดิน และสปอร์ หัวเชื้อราไมโคไรซาร์ (อาบัสคูลาร์ไมคอร์ไรซา) ในบ่อซีเมนต์ ให้เข้ากัน
- รดน้ำให้ทั่ว เพิ่มความชุ่มชื้นให้ดิน
- นำเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดลงปลูก เว้นระยะพอประมาณ
- เมื่อครบ 45 วัน ดึงต้นข้าวโพดออกให้หมด
- นำดินที่ได้มาร่อนให้มีความละเอียด ผึ่งแดดให้แห้ง
- เก็บไว้ในถุงพลาสติก เมื่อนำไปใช้งานให้นำผสมกับปุ๋ยหมัก
จะเห็นว่า เชื้อราไมคอร์ไรซาร์ มีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของพืช ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้แก่ระบบราก ช่วยสะสมธาตุอาหารให้แก่พืช โดยเฉพาะพืชเกษตรที่เน้นเรื่องผลผลิต ดังนั้น เราจึงต้องศึกษาว่า พืชเกษตร ป่าไม้ชนิดต่าง ๆ นั้นเหมาะกับไมคอร์ไรซาร์ชนิดใด เพื่อเพาะขยายพันธุ์ปลูกกับกล้าไม้ ดำเนินการปลูกพืช สร้างสวนป่า ให้ได้ผลตามจุดมุ่งหมายนั่นเอง
ขอบคุณข้อมูลจาก : CMRU, กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
บทความดี ๆ น่าอ่าน:
- ชวนมาทำ ปุ๋ยพืชสด ช่วยบำรุงดินก่อนการปลูก มีประโยชน์อะไรบ้าง?
- สูตรวิธีทำ ปุ๋ยเร่งดอก เร่งการออกดอก ออกผลไว เพิ่มผลผลิตให้เกษตรกร
- วิธีทำปุ๋ยหมัก แบบง่ายๆ เปลี่ยนขยะให้มีประโยชน์!
- วิธีทำ น้ำยาเร่งราก ปักชำตอนกิ่งง่าย รากงอกออกไว 100%
- วิธีทำ น้ำ em สูตรเร่งโต บำรุงพืชให้เจริญงอกงาม แข็งแรง ไม่เป็นโรค
- เครื่องพ่นยา เครื่องพ่นปุ๋ย เลือกอย่างไรให้เหมาะสม!
Leave A Comment