ไขข้อสงสัย “เติมน้ำมัน” เวลาไหน คุ้มค่าที่สุด?

ไขข้อสงสัย เติมน้ำมัน ยังไงให้คุ้มค่าที่สุด เพราะในการเติมน้ำมันในแค่ละครั้ง ก็ใช้เงินไม่ใช้น้อย ๆ เลยทีเดียว บางคนบอกว่า เติมน้ำมันในช่วงเช้า จะดีที่สุด หรือ เติมเพียงเติมครึ่งถังก็พอ ซึ่งวิธีการเหล่านี้ ก็ยังมีข้อถกเถียง และแสดงความคิดเห็นกันมากมาย

บทความนี้ SGE อยากจะมาชี้แจง “เติมน้ำมัน” ช่วงเวลาไหน คุ้มค่าที่สุดกัน

เช้า-กลางวัน-กลางคืน เติมน้ำมันตอนไหนดี?

คนส่วนใหญ่ มักจะเติมน้ำมันในช่วงเช้าก่อนออกไปทำงาน เนื่องจาก อุณหภูมิยังไม่สูงมาก สะดวก ไม่เหมือนช่วงกลางวัน  แต่ถ้าจะให้คุ้มค่าทุกบาท ทุกสตางค์ แนะนำให้เติมน้ำมันในช่วงกลางคืน หรือช่วงเลิกงาน เพราะนอกจากอุณหภูมิจะต่ำกว่าช่วงเวลาอื่น ๆ แล้วตัวน้ำมัน จะมีความหนาแน่นสูง ประหยัดคุ้มค่า กว่าช่วงเวลาอื่น ๆ แน่นอน

เติมน้ำมันเต็มถัง ครึ่งถัง แบบไหนดีกว่ากัน?

จะเติมน้ำมันทั้งที ก็เติมเต็มถังไปเลยดีไหม หรือครึ่งถังก็พอ ถ้าจะให้ดีต่อเครื่องยนต์จริง ๆ แนะนำว่าให้เติม 3 ใน 4 ส่วนของถัง ไม่ควรเติมจนล้น เพราะว่าไอระเหยของน้ำมัน และแรงดันในถัง อาจจะทำให้น้ำมันไหลซึมออกมาจากตัวถังได้ ส่วนการเติมน้ำมันแค่ครึ่งถัง หรือรอให้ไฟแจ้งเตือนน้ำมันโชว์ ถึงค่อยเติม อาจจะส่งผลเสียต่อปั้มติ๊ก หรือ ตัววัดระดับน้ำมัน เกิดความเสียหายได้ จากการที่น้ำมันมาช่วยหล่อลื่น หรือระบายความร้อนไม่เพียงพอ อย่างน้อยควรให้น้ำมันมากกว่า 1 ใน 4 ส่วน ของถังแล้วเติมจะดีกว่าปล่อยให้น้ำมันใกล้หมดถังแล้วเติมนั่นเอง

ปั๊มติ๊ก คืออะไร?  มีหน้าที่อะไร? ปั๊มติ๊ก จะติดตั้งอยู่ภายในถังน้ำมันเชื้อเพลิง ประกอบเป็นชิ้นเดียวลูกลอยวัดระดับน้ำมัน ซึ่งเจ้าตัวปั๊มติ๊ก จะทำหน้าที่ ดูดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปยังระบบเครื่องยนต์ เพื่อทำการเผาไหม้นั่นเอง

ความเชื่อที่ว่า น้ำมันค้างสาย คืออะไร?

ไม่ควรเติมน้ำมันเต็มถัง เพราะเมื่อมันเต็ม ตู้จ่ายน้ำมันจะตัด แล้วน้ำมันจะที่ค้างอยู่ที่สาย ทั้ง ๆ ที่ระบบตู้จ่ายคิดเงินเราไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งระบบการจ่ายน้ำมันทุกแห่ง จะเป็นระบบจ่ายน้ำมันทางเดียว (One way) ไม่สามารถย้อนกับคืนได้ ในสายเติมน้ำมัน จะมีน้ำมันเต็มอยู่ตลอดเวลา และที่ปลายหัวจ่ายน้ำมัน จะมีเซนเซอร์เล็ก ๆ เอาไว้สั่งตัดน้ำมัน เมื่อปริมาณน้ำมันในถังล้นมาถึงนั้นเอง

น้ำมันรถยนต์ มีกี่ประเภท ต่างกันอย่างไรบ้าง?

น้ำมันเชื้อเพลิง ที่ใช้กับรถยนต์ ในปัจจุบัน แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ น้ำมันเบนซิน น้ำมันแก๊สโซฮอล์ และน้ำมันดีเซล โดยจำแนกออกเป็น 7 ประเภท ดังนี้

• น้ำมันเบนซินธรรมดา หรือน้ำมันเบนซิน 91

น้ำมันเบนซิน 91 เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทน 91 ประกอบด้วย ส่วนผสมจากน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว และค่าออกเทน 91 ไม่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ใด ๆ

• น้ำมันเบนซินพิเศษ หรือน้ำมันเบนซิน 95

น้ำมันเบนซิน 95 เป็นน้ำมันที่มีค่าออกเทน 95 ประกอบด้วย ส่วนผสมจากน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว และค่าออกเทน 95 สามารถใช้ได้กับรถยนต์แทบทุกประเภท เนื่องจากไม่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์ ทำให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์สมบูรณ์ และตอบสนองการขับขี่ได้ดี

• แก๊สโซฮอล์ 91

สามารถใช้ทดแทนน้ำมันเบนซิน 91 ธรรมดาได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติตามมาตรฐานที่กำหนด มีส่วนผสมระหว่างน้ำมันเบนซินพื้นฐาน กับเอทิลแอลกอฮอล์ 9 ต่อ 1 มีความบริสุทธิ์ 99.5% โดยควรใช้กับรถยนต์ที่ระบุว่าใช้กับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 เท่านั้น

• แก๊สโซฮอล์ 95

น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ก็สามารถใช้ทดแทนน้ำมันเบนซิน 95 ได้เช่นกัน โดยเป็นการนำน้ำมันเบนซิน 91 มาผสมกับเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งได้จากการหมักอ้อย มันสำปะหลัง และข้าวโพด โดยมีอัตราส่วนน้ำมันเบนซินพื้นฐานกับเอทิลแอลกอฮอล์จำนวน 9 ต่อ 1 มีราคาถูกกว่าน้ำมันเบนซิน 95 แต่หากจอดรถทิ้งไว้นานน้ำมันอาจระเหยได้ โดยควรใช้กับรถยนต์ที่ระบุให้ใช้กับแก๊สโซฮอล์ 95 เท่านั้น

• แก๊สโซฮอล์ E20

แก๊สโซฮอล์ E20 หรือเบนซิน E20 เป็นน้ำมันที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วผสมกับเอทานอล หรือเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์บริสุทธิ์ 99.5% ในอัตราที่สูงขึ้นมาก คือ ในอัตราส่วนน้ำมันเบนซินพื้นฐาน 80 % ต่อเอทานอล 20% เวลาใช้เป็นเชื้อเพลิงในการขับขี่ ไม่ค่อยแตกต่างจาก แก๊สโซฮอล์ 91 หรือแก๊สโซฮอล์ 95 เท่าใดนัก

• แก๊สโซฮอล์ E85

แก๊สโซฮอล์ E85 คือ นํ้ามันที่มีส่วนผสมน้ำมันเชื้อเพลิง ที่ได้จากการนำน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วผสมกับเอทานอล หรือเอทิลแอลกอฮอล์ ในอัตราส่วนที่ลดลง คือ เบนซิน 15% ต่อเอทานอล 85% ข้อดี คือ มีราคาค่อนข้างถูก แต่สมรรถนะในการขับขี่ไม่สามารถสู้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเบนซินแบบธรรมดาได้ อีกทั้งยังมีการเผาไหม้เร็ว เพราะมีเอทิลแอลกอฮอล์สสูง ทำให้น้ำมันหมดเร็ว และค่อนข้างเปลืองน้ำมัน นอกจากนี้เอทิลแอลกอฮอล์จำนวนมากยังส่งผลต่อการกัดกร่อนชิ้นส่วนเครื่องยนต์ ทำให้เสื่อมสภาพเร็ว

• ไบโอดีเซล

น้ำมันไบโอดีเซล คือ น้ำมันพืช หรือน้ำมันสัตว์ รวมถึงน้ำมันใช้แล้วที่ได้จากการปรุงอาหาร ซึ่งนำมาทำปฏิกิริยาทางเคมีกับแอลกอฮอล์ เรียกอีกอย่างว่าสารเอสเตอร์ สามารถนำมาใช้งานทดแทนกับน้ำมันดีเซลได้ เพราะมีคุณสมบัติการเผาไหม้เหมือนกับน้ำมันดีเซลจากปิโตรเลียมมาก โดยปัจจุบันมีน้ำมันเชื้อเพลิงที่ได้จากไบโอดีเซล เช่น น้ำมันดีเซล B20 ที่ใช้ส่วนผสมของไบโอดีเซล (B100) กับน้ำมันดีเซล ในอัตราส่วน 20 ต่อ 80 ส่วน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับความรู้เรื่องเติมน้ำมัน ช่วงเวลาไหนดีที่สุด ซึ่งเราก็ได้รู้กันแล้วว่า การเติมน้ำมันช่วงกลางคืนดีที่สุด เพราะน้ำมันมีความหนาแน่นสูงนั่นเอง บทความหน้า เราจะมีอะไรมาฝากกันอีกนั้น อย่าลืมติดตามกันด้วยนะจ๊ะ 😘

สามารถติดตาม สูตรอาหารและบทความอื่นๆ ได้ที่นี่