ประโยชน์ “น้ำหมักมูลไส้เดือน” พร้อมวิธีทำและการใช้งาน
อัปเดตเมื่อ วันที่ 21 เมษายน 2025

“ปุ๋ยธรรมชาติ” ทางเลือกสำหรับสายปลูกผักและรักต้นไม้ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ น้ำหมักมูลไส้เดือน หรือที่หลายคนเรียกกันว่า น้ำชีวภาพจากมูลไส้เดือน ของดีจากธรรมชาติที่ไม่ได้แค่บำรุงพืช แต่ยังฟื้นฟูดินได้ลึกถึงราก! บทความนี้จะพาไปรู้จักประโยชน์เด็ด ๆ ของน้ำหมักมูลไส้เดือน พร้อมสูตรทำง่าย ๆ ที่มือใหม่ก็ทำได้
น้ำหมักมูลไส้เดือน คืออะไร?
น้ำหมักมูลไส้เดือน คือ ปุ๋ยอินทรีย์น้ำจากธรรมชาติที่ได้จากมูลไส้เดือน โดยทั่วไปได้มาจากสองวิธีการ วิธีแรกคือ “หมักเอง” โดยการนำมูลไส้เดือนมาผสมกับน้ำสะอาด (บางสูตรผสมน้ำตาล) แล้วแช่ทิ้งไว้ ส่วนวิธีที่สองได้จาก “ระบบเลี้ยงไส้เดือน” ระบบนี้จะได้มาโดยอัตโนมัติจากถังที่ออกแบบให้มีการระบายน้ำอย่างคอนโดไส้เดือน น้ำจะซึมผ่านมูลไส้เดือนและวัสดุรองพื้น แล้วไหลลงมาสะสมด้านล่าง กลายเป็นน้ำหมักมูลไส้เดือนที่เต็มไปด้วยสารอาหารและจุลินทรีย์ที่พืชชอบ

ลักษณะของน้ำหมักมูลไส้เดือน
น้ำหมักมูลไส้เดือนที่ได้จะมีลักษณะเป็นของเหลวสีน้ำตาลเข้มไปจนถึงดำคล้ำ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่หมักและปริมาณของมูลไส้เดือนที่ใช้ กลิ่นของน้ำหมักชนิดนี้จะมีกลิ่นเฉพาะตัว ไม่เหม็นเน่าเหมือนน้ำหมักเศษอาหารทั่วไป แต่จะคล้ายกลิ่นดินหมักหรือกลิ่นป่าชื้นที่หอมอ่อน ๆ ตามธรรมชาติ
ประโยชน์น้ำหมักมูลไส้เดือน

น้ำหมักมูลไส้เดือน มีไนโตรเจน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม (ธาตุหลักที่พืชต้องการ) นอกจากนี้ยังมีจุลินทรีย์มีประโยชน์ เช่น แบคทีเรียที่ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ และป้องกันโรคจากเชื้อรา ฮอร์โมนธรรมชาติ
- เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ช่วยเติมจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในดิน ทำให้ดินร่วนซุย อุ้มน้ำดี รากพืชเจริญได้ดีขึ้น
- เร่งการเจริญเติบโตของพืช สารอาหารในน้ำหมักช่วยให้พืชเติบโตเร็ว ใบเขียว แข็งแรง และต้านทานโรคได้ดีขึ้น
- ป้องกันโรคและแมลงศัตรูพืช จุลินทรีย์ที่อยู่ในน้ำหมักช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้พืช ทำให้แมลงไม่กล้ากัดกินง่าย ๆ
- ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ไม่มีสารเคมีตกค้าง ใช้ได้กับพืชกินได้ ช่วยให้เกษตรปลอดภัยและยั่งยืน เหมาะกับผู้ที่ต้องการปลูกผักปลอดสารพิษ
วิธีทำน้ำหมักมูลไส้เดือน
วิธีที่ 1 หมักน้ำมูลไส้เดือนในถัง
วัสดุที่ต้องเตรียม
- มูลไส้เดือนแห้ง หรือกึ่งแห้ง (ประมาณ 1 กิโลกรัม)
- น้ำสะอาด (5 ลิตร)
- กากน้ำตาล หรือน้ำตาลทรายแดง (200-300 กรัม)
- ถังพลาสติกมีฝาปิด (ขนาด 10 ลิตรขึ้นไป)
- ผ้าขาวบางสำหรับกรอง
- ไม้สำหรับคนหรือท่อนไม้สะอาด
ขั้นตอนการทำ
- เตรียมส่วนผสม ผสมมูลไส้เดือนกับน้ำสะอาดในถังให้เข้ากัน
- เติมกากน้ำตาล คนให้ละลายดี เพื่อเป็นอาหารของจุลินทรีย์
- หมักไว้ ปิดฝาถังให้สนิท วางในที่ร่ม อากาศถ่ายเท หมักนาน 7–14 วัน
- คนทุกวัน เปิดฝาและคนวันละครั้ง เพื่อให้ออกซิเจนเข้าไปช่วยกระบวนการหมัก
- กรองและเก็บ เมื่อครบเวลา กรองด้วยผ้าขาวบาง แล้วบรรจุใส่ขวดเก็บไว้ใช้
วิธีที่ 2 ใช้คอนโดไส้เดือน (สะดวกขึ้น/ระยะยาว)
วัสดุที่ต้องเตรียม
- ชุดคอนโดไส้เดือนสำเร็จรูปหรือกล่องพลาสติกซ้อน 2-3 ชั้น
- ไส้เดือนพันธุ์ที่ต้องการ เช่น แม่โจ้ หรือแอฟริกันไนท์ครอว์เลอร์
- ขยะอินทรีย์ เช่น เศษผัก ผลไม้ เปลือกไข่บด
- เศษกระดาษ ฟางแห้ง หรือมูลวัวแห้ง
- ผ้าปิดหน้าหรือฝาปิดเพื่อป้องกันแมลง (หากใช้แบบคอนโดจะมีฝาปิดและก๊อกน้ำระบายปุ๋ยในตัว)
ขั้นตอนการทำ
- จัดเตรียมคอนโด ชั้นบนสุดใส่เศษอาหารและไส้เดือน ชั้นล่างเจาะรูให้ของเหลวไหลลงไปได้
- ให้อาหารไส้เดือน เติมเศษอินทรีย์ลงไปทุก 2–3 วัน อย่าให้เปียกเกินไป
- ดูแลความชื้น รักษาความชื้นให้อยู่ที่ 60–70% (หมาดๆ แต่ไม่แฉะ)
- เก็บน้ำมูลไส้เดือน ของเหลวที่หยดลงชั้นล่างจะเป็นน้ำมูลไส้เดือน สามารถนำมากรองและใช้งานได้ทันที
ข้อดีของการใช้คอนโดไส้เดือน :ได้ทั้งปุ๋ยแห้ง (มูลไส้เดือน) และน้ำมูลไส้เดือนพร้อมใช้ ใช้งานและดูแลง่ายในระยะยาว ลดขยะในครัวเรือนได้
วิธีใช้น้ำหมักมูลไส้เดือน
น้ำหมักมูลไส้เดือนใช้งานง่าย และปลอดภัยสำหรับพืชแทบทุกชนิด โดยสามารถใช้งานได้หลายแบบ ยกตัวอย่างเช่น
1. ใช้รดโคนต้น เจือจางในอัตราส่วน 1:10 หรือ 1:20 กับน้ำสะอาด ใช้รดดินรอบโคนต้นพืชสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง
2. ใช้พ่นทางใบ ผสมในอัตรา 1:20 กับน้ำ ใส่ในขวดพ่น แล้วฉีดพ่นในช่วงเย็นหรือเช้า (เลี่ยงแดดจัด)
3. ใช้ในระบบไฮโดรโปนิกส์หรือปุ๋ยน้ำ เติมน้ำหมักในอัตราส่วนต่ำลง (เช่น 1:30 – 1:50) เพื่อเลี้ยงจุลินทรีย์และส่งเสริมการเติบโตของราก
ข้อควรระวังในการใช้น้ำหมักมูลไส้เดือน
- ควรใช้แบบเจือจางเสมอ เพื่อไม่ให้จุลินทรีย์เข้มข้นเกินไปจนรากไหม้
- ไม่ควรเก็บไว้นาน เพราะจุลินทรีย์จะตายหากไม่ได้รับออกซิเจน ควรใช้ภายใน 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงการฉีดพ่นตอนแดดแรง เพื่อไม่ให้ใบพืชไหม้หรือจุลินทรีย์ตายเพราะอุณหภูมิสูง
“น้ำหมักมูลไส้เดือน” ไม่ใช่แค่ปุ๋ยน้ำธรรมดา แต่คือสุดยอดอาหารพืชจากธรรมชาติที่ทั้งปลอดภัยและได้ผลดีในระยะยาว ใครที่อยากปลูกพืชอินทรีย์ ผักสวนครัว หรือฟื้นฟูดินในแปลงเล็ก ๆ ก็สามารถเริ่มทำเองได้ง่าย ๆ ที่บ้าน ไม่ต้องใช้อุปกรณ์เยอะ และที่สำคัญ…ประหยัดด้วย!
เพื่อไม่ให้พลาดข่าวสารสำคัญ และโปรโมชั่นพิเศษมากมาย สามารถติดตามเราผ่านช่องทางต่างๆได้หลากหลายช่องทางตามด้านล่างนี้เลย