รู้จัก แครอท ประโยชน์ของแครอท และข้อควรระวัง มีอะไรบ้าง?
แครอท🥕เป็นพืชในตระกูลผักชี ที่มีหัวอยู่ใต้ดิน มีสีสันหลากหลายทั้งส้ม แดง เหลือง ขาว และม่วง สามารถรับประทานได้ทั้งส่วนหัวที่อยู่ใต้ดิน และใบ แต่ส่วนหัว จะเป็นที่นิยมนำมาใช้รับประทานเป็นอาหารได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบดิบ คั้นน้ำ ผ่านการปรุงสุก หรือใช้ปรุงเป็นขนม รวมถึงอาจใช้เป็นยาก็ได้เช่นกัน
ในบทความนี้ SGE จะพาทุกคนไปรู้จัก แครอท และ ประโยชน์ของแครอท และข้อควรระวังใรการทานแครอท ว่ามีอะไรบ้าง? ไปดู
รู้จักกับ แครอท
แครอท(Carrot) เป็นไม้ล้มลุก อายุ 1-2 ปี หัวเป็นสีส้ม และมีสารแคโรทีนอยู่เป็นจำนวนมาก รากยาวเรียว ใบมีลักษณะเป็นฝอย แครอทเป็นพืชกินหัวชนิดหนึ่ง มีลักษณะยาว หัวแครอทมีหลายสี เช่น เหลือง ม่วง ส้ม แต่ที่นิยมรับประทานในปัจจุบัน คือ สีส้ม เป็นพืชแถบเอเชียตะวันออก และเอเชียกลาง มีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กเท่าแท่งดินสอ หรือที่เรียกว่า เบบี้แครอท ไปจนถึง ขนาดใหญ่

แครอทเป็นพืชสองฤดู โดยฤดูแรก เจริญทางต้น ใบ และราก ฤดูที่สอง จะเจริญทางดอก และเมล็ด ลักษณะลำต้นเป็นแผ่นใบ จะเจริญจากลำต้น เป็นกลุ่มมีก้านใบยาว ประกอบด้วย เปลือกบาง (Periderm) และส่วนของเนื้อ (Cortex) ซึ่งประกอบด้วย ท่ออาหาร และเป็นแหล่งเก็บอาหารสำรอง ส่วนใหญ่อยู่ในรูปของน้ำตาล เป็นส่วนประกอบ 45-65% ของหัว เนื้อสีขาว เหลือง ส้ม แดง ม่วง และดำ ส่วนของแกน (inner core) ประกอบด้วย ท่อน้ำ (xylem) และแกน (pith) แครอทสายพันธุ์ที่มีคุณภาพสูง จะมีแกนขนาดเล็ก และมีสีเดียว กับเนื้อ หรือมีส่วนของเนื้อมากกว่าส่วนของแกน การปลูกฤดูที่สอง เพื่อผลผลิตเมล็ดพันธุ์ ลำต้นจะยืดตัว สร้างก้านดอกยาว 2-4 ฟุต บนยอดมีช่อดอก ซึ่งช่อแรก จะเจริญจากส่วนกลางของลำต้น ต่อจากนั้นช่ออื่น ๆ จะเจริญตาม การผสมเกสร จะเป็นแบบผสมข้าม ส่วนใหญ่แมลงเป็นตัวช่วยผสมเกสร
แครอทมีหลายสี อาจมีรสชาติ และคุณประโยชน์ที่แตกต่างกัน ดังนี้
- แครอทสีส้ม มีเบตาแคโรทีนสูงที่สุด เป็นเม็ดสีช่วยต้านอนุมูลอิสระ
- แครอทสีขาว อุดมไปด้วยสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และไฟเบอร์ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
- แครอทสีเหลือง อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน และลูทีน ที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์จากความเสียหาย จึงอาจมีส่วนช่วยส่งเสริมสุขภาพดวงตาได้
- แครอทสีแดง อุดมไปด้วยไฟเบอร์ ไบโอติน โพแทสเซียม วิตามินเค วิตามินบี 6 วิตามินซี และโมลิบดีนัม (Molybdenum) ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ เพื่อกำจัดสารพิษบางชนิด
- แครอทสีแดง อุดมไปด้วยแคโรทีนอยด์ และแอนโธไซยานินสูง อาจช่วยรักษาอาการอักเสบ และโรคอ้วนได้
ประโยชน์ของแครอท มีอะไรบ้าง?
- บำรุงสายตา ประโยชน์ของแครอท อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน หนึ่งในวิตามินที่ร่างกายต้องการ อีกทั้งมีประโยชน์ที่ช่วยในเรื่องของการบำรุงสายตา โดยเฉพาะเนื้อเยื่อชั้นในของดวงตา หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า เรติน่า ซึ่งการที่คุณรับประทานแครอทบ่อย ๆ ยังช่วยถนอมดวงตา ให้สามารถมองเห็นได้อย่างปกติไปอีกนานเท่านาน
- ป้องกันมะเร็ง แครอทนั้นมีประสิทธิภาพในการช่วยป้องกันโรคมะเร็งโดยเฉพาะการก่อตัวของมะเร็งปอด ทั้งนี้ เป็นเพราะในแครอทเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ อย่าง ฟาลคารินอล ซึ่งมีฤทธิ์ต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี ฉะนั้น ควรใส่แครอทเป็นส่วนผสมในอาหารจากหลักด้วย
- เพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบไหลเวียนของเลือด คนในปัจจุบัน ไม่ค่อยใส่ใจกับการทานอาหารสักเท่าไหร่ ทำให้เกิดโรคเส้นเลือดอุดตันได้ง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ชอบทานของหวาน และของทอด ทั้งนี้สารในแครอท จะเข้าไปกำจัดไขมันที่เกาะสะสมอยู่ในเส้นเลือด ซึ่งช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น
- รักษาระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในช่วงอายุเท่าไหร่ และมีรูปร่างแบบใด ก็มีสิทธิ์ที่จะมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงได้เหมือนกัน ซึ่งเป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวานมากเลยทีเดียว ดังนั้น เพื่อป้องกันโรคร้ายต่าง ๆ เหล่านั้น ก็ควรหมั่นทานแครอทอยู่เป็นประจำ เนื่องจากในแครอท มีสารแคโรทีนอยด์ ซึ่งสารตัวนี้ จะเข้าไปช่วยรักษาสมดุลระดับน้ำตาลในเส้นเลือดของคุณนั่นเอง
- ปรับปรุงระบบย่อยอาหาร สำหรับคนที่อยากจะมีหุ่นดี หรือคนที่อยากจะลดน้ำหนัก การทานแครอท ถือเป็นตัวช่วยที่ดี เพราะแครอท จะเข้าไปเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานให้กับระบบย่อยอาหาร ซึ่งช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น

- บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง แครอทยังมีสรรพคุณในเรื่องของการช่วยบำรุงผิวพรรณอีกด้วย เพราะทำให้ผิวชุ่มชื่น และดูเปล่งปลั่งอยู่เสมอ เพราะในแครอทชุ่มช่ำไปด้วยน้ำ เมื่อคุณทานเข้าไปก็เท่ากับว่าร่างกายได้รับน้ำเพิ่มมากขึ้นด้วย ไม่เพียงเท่านั้น น้ำและสารอาหารของแครอทยังมีประโยชน์ในเรื่องของการบำรุงเส้นผมด้วย
- เสริมความแข็งแรงของฟัน แครอทไม่ได้มีประโยชน์แค่ระบบต่าง ๆ ในร่างกายของคุณเท่านั้น เพราะยังช่วยเสริมสร้างโครงสร้างของอวัยวะต่าง ๆ ได้อีกด้วย โดยในระหว่างที่คุณกำลังกัด ขบ เคี้ยวแครอท ถือเป็นการเสริมสร้างสุขภาพฟันให้ดีขึ้นด้วย ฉะนั้นในแต่ละมื้ออย่าลืมหยิบแครอทมาเคี้ยวกันด้วย
- เพิ่มประสิทธิภาพให้กับภูมิคุ้มกัน อีกหนึ่ง ประโยชน์ของแครอท ที่ร่างกายของคุณจะได้รับจากแครอท คือ การมีภุมิคุ้มกันร่างกายที่แข็งแรง ทั้งนี้เป็นเพราะแครอทมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย อีกทั้งมีคุณสมบัติในการสร้างเนื้อเยื่อ ทำให้แผลหายเป็นปกติรวดเร็วมากขึ้น ไม่ว่าจะกินแครอทแบบดิบ ๆ หรือผ่านการปรุงสุกมาแล้วก็ตาม
- มีฤทธิ์ขับพยาธิ สำหรับคนที่ต้องการขับพยาธิ ยาถ่ายอาจไม่ใช่คำตอบสุดท้ายเสมอไป เพราะแครอทมีฤทธิ์ช่วยในการขับถ่ายพยาธิได้เช่นเดียวกัน อีกทั้งยังเป็นการรักษาที่ไม่มีสารเคมีตกค้างในร่างกายด้วย รับรองเลยว่าเป็นยาที่ปลอดภัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่
- ของว่างเพื่อสุขภาพ นอกจากนำไปประกอบอาหารคาวแล้ว สามารถนำมาทำขนมได้เหมือนกัน เช่น ขนมปังโฮลวีทแครอท หรือดื่มน้ำแครอท สามารถช่วยดับหิว และดับกระหายได้ไม่ต่างจากขนมหวาน และเครื่องดื่มชนิดอื่น ๆ เลย
ปริมาณการบริโภคแครอทที่เหมาะสมต่อวัน อยู่ที่ประมาณครึ่งถ้วย ดังนี้ พลังงาน 25 แคลอรี่, คาร์โบไฮเดรต 6 กรัม, โปรตีน 0.5 กรัม, ไฟเบอร์ 2 กรัม, น้ำตาล 3 กรัม
ให้วิตามิน และแร่ธาตุ ต่อความต้องการของร่างกาย 1 วัน ได้แก่ วิตามินเอ 73%, วิตามินซี 5%, วิตามินเค 9%, โพแทสเซียมและไฟเบอร์ 8%, แคลเซียม และธาตุเหล็ก 2%
วิธีรับประทาน และทำความสะอาดแครอท
แครอทสามารถรับประทานดิบ หรือปรุงสุกได้ แต่อาจเป็นข้อยกเว้นในบางคนที่มีอาการภูมิแพ้ อาจต้องปรุงสุกก่อนรับประประทาน ซึ่งเบต้าแคโรทีนในแครอท อาจดูดซึมได้ดีในแครอทปรุงสุก ควรรับประทานแครอทสด หรือแครอทนึ่ง เพราะให้คุณค่าทางอาหารสูง หลีกเลี่ยงการต้มเพราะอาจลด หรือสูญเสียวิตามินหรือแร่ธาตุอื่น ๆ
แคโรทีนอยด์ และวิตามินเอ อาจดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้นเมื่อมีไขมัน จึงควรรับประทานแครอทควบคู่กับไขมันที่ดี เช่น อะโวคาโด ถั่ว ธัญพืช หรือน้ำมันรำข้าว

ข้อควรระวังในการทานแครอท
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น เมื่อรับประทานแครอท มีดังนี้
- หากรับประทานแครอทที่มีเบต้าแคโรทีนมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะผิวสีส้ม หรือสีเหลือง (Carotenemia) ซึ่งไม่เป็นอันตราย แต่ในกรณีที่มีอาการรุนแรงมาก อาจยับยั้งการทำงานของวิตามินเอ ส่งผลต่อการมองเห็น กระดูก ผิวหนัง ระบบเผาผลาญ และระบบภูมิคุ้มกันได้
- เมื่อรับประทานแครอท บางคนอาจเกิดอาการภูมิแพ้ในช่องปาก อาจมีอาการคันปาก เนื่องจาก ร่างกายทำปฏิกิริยากับโปรตีนในผัก และผลไม้บางชนิด จึงควรรับประทานแครอทที่ปรุงสุกแล้ว ซึ่งอาจช่วยลดอาการภูมิแพ้ได้
- แครอทที่ปลูกในดินที่ปนเปื้อนสารเคมี สารตะกั่ว หรือโลหะหนักจำนวนมาก อาจส่งผลต่อคุณภาพของแครอท และความปลอดภัยต่อสุขภาพของผู้บริโภค อาจมีผลต่อเซลล์ไขกระดูก ระบบประสาท และการทำงานของไต อาจทำให้มีอาการ เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก น้ำหนักลด นอกจากนี้ อาจส่งผลต่อเม็ดเลือดแดง เสี่ยงต่อโรคโลหิตจาง ดังนั้น จึงควรเลือกซื้อแครอทจากแหล่งเพาะปลูกที่ปลอดภัย และล้างให้สะอาด หรือปรุงให้สุกก่อนรับประทานเสมอ
เทคนิคการล้างผัก ทำได้อย่างไร?
การล้างผัก เพื่อขจัดสารปนเปื้อน สามารถทำได้หลายวิธี ดังนี้
- การแช่ผักด้วยโซเดียมไบคาร์บอเนต หรือผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำอุ่น 20 ลิตร ประมาณ 15 นาที อาจช่วยลดสารพิษที่ตกค้างได้ประมาณ 90%
- การแช่ผักด้วยผงถ่านแอคติเวตชาร์โคล (Activated Charcoal) หรือผงคาร์บอนกัมมันต์ ประมาณ 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 5 ลิตร แช่ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด อาจช่วยดูดซับสารเคมี สี และกลิ่น ได้ประมาณ 90%
- การแช่ผักในน้ำส้มสายชู 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำเปล่า 20 ลิตร ประมาณ 30-45 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด อาจช่วยลดปริมาณสารพิษได้ประมาณ 80%
- การล้างผักให้น้ำไหลผ่าน และใช้มือล้างผักประมาณ 2 นาที อาจช่วยลดสารพิษได้ถึง 60%
- การแช่ผัก และผลไม้ในด่างทับทิมประมาณ 20-30 เกล็ด อาจช่วยลดสารพิษได้ประมาณ 40%
- การล้างด้วยน้ำสะอาด และน้ำยาล้างผัก อาจช่วยลดสารพิษได้ประมาณ 25%
อ่านบทความ : ผักสะอาด ไร้สารพิษตกค้าง ทำอย่างไร
เป็นอย่างไรกันบ้างกับ แครอท ประโยชน์ของแครอท ที่มีมากมายหลากหลาย ที่ทำให้แครอทเป็นผักยอดนิยมของผู้คนมากมาย สำหรับคนที่ยังไม่เคยลองทาน หรือไม่ชอบทานแครอท ลองเปลี่ยนพฤติกรรมการกินสักหน่อย เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณเอง
Leave A Comment