ประโยชน์ การพรวนดิน พร้อมเทคนิค การพรวนดินที่ถูกต้อง
การพรวนดิน มีประโยชน์อย่างไร ทำไมถึงไม่ควรพรวนดินบ่อย ๆ SGE มีคำตอบ พร้อมเผย วิธีการพรวนดินที่ถูกต้อง
ใครปลูกพืชผัก แล้วอยากดูแลรักษา ให้พืชเจริญเติบโตได้ดีแล้วละก็ ตามมาดูกันเลย
การพรวนดิน หมายถึง
การพรวนดิน หมายถึง การใช้ส้อมพรวน จอบ เสียม หรือ อุปกรณ์การเกษตรอื่น ๆ ขุดพลิกหน้าดินที่แห้งกรัง ให้มีความร่วนซุย ทำให้ดินมีความชื้น ระบายน้ำและอากาศได้ดี รากพืชหาอาหารได้ดีขึ้น โดยควรพรวนดิน ต่อเมื่อดินแห้ง แน่นพอสมควร ไม่ควรพรวนดินบ่อย ๆ เพราะอาจกระทบกระเทือนต่อรากพืช
การพรวนดิน มีประโยชน์อย่างไร
1. ดินมีความร่วนซุย รากพืชหาอาหารได้ดีขึ้น
ปลูกพืชไปนาน ๆ ดินมักแห้งและแน่นทึบ ทำให้รากพืชหาอาหารได้ลำบาก ดังนั้น การพรวนดิน จะช่วยให้ดินมีความร่วนซุย เวลารดน้ำใส่ปุ๋ย ก็จะทำให้รากพืชสามารถดูดซึมธาตุอาหาร หาอาหารได้ดีขึ้น
2. เพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ รักษาความชื้นภายในดิน
เมื่อพรวนดินลงไป จะช่วยพลิกหน้าดินที่แห้งกรัง กลับเป็นหน้าดินที่ชุ่มชื้น ทำให้เวลารดน้ำลงไป จะช่วยเพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ ช่วยรักษาความชื้นภายในดิน ให้คงอยู่ยาวนาน
3. อินทรียวัตถุย่อยสลายได้ดีขึ้น
เวลาพรวนดิน เรามักรดน้ำใส่ปุ๋ยด้วย เพราะหลังจากเราพรวนดินลงไปแล้ว จะทำให้ดินมีความร่วนซุย ช่วยให้อินทรียวัตถุย่อยสลายในดินได้ดีขึ้น รากพืชก็สามารถเข้าถึงธาตุอาหารต่าง ๆ ได้ง่าย
4. กำจัดวัชพืชไม่ให้เจริญเติบโต
หากมีวัชพืชขึ้นอยู่รอบ ๆ การพรวนดินจะช่วยถอน และ กำจัดวัชพืชไม่ให้เจริญเติบโต หยุดการแย่งธาตุอาหารกับพืชผักที่เราปลูก
5. ลดการพังทลายของหน้าดิน
กรณีที่ปลูกพืชผักในสวน หรือ แปลงปลูก แล้วเราพรวนดินเป็นก้อนโต ๆ จะเกิดช่องว่างระหว่างดิน ทำให้แม้ฝนตกหนัก ก็จะช่วยชะลอการไหลของน้ำ ลดการพังทลายของหน้าดินได้
ทำไมถึงไม่ควรพรวนดินบ่อย ๆ ?
แม้จะมีการปลูกฝังว่า เวลาปลูกพืช ต้องหมั่นรดน้ำ พรวนดินบ่อย ๆ แต่รู้หรือไม่ว่า อาจส่งผลร้ายมากกว่า เนื่องจากการพรวนดินแต่ละครั้ง ไม่ว่าจะด้วยมือ หรือ รถไถ อาจส่งผลกระทบต่อรากพืช สิ่งมีชีวิตในดิน และ สภาพดิน ได้ ดังนี้
1. โครงสร้างดินถูกทำลาย
หากพรวนดินบ่อย ๆ จนดินร่วนซุย เป็นเม็ดละเอียดจนเกินไป จะทำให้โครงสร้างดินถูกทำลาย ดินไม่สามารถจับตัวเป็นก้อนได้ ลดความสามารถในการอุ้มน้ำและอากาศ ง่ายต่อการถูกฝนชะล้างและพังทลายหน้าดิน
2. ดินแน่นทึบและแข็งขึ้นกว่าเดิม
เมื่อไถพรวนดินบ่อย ๆ โดยเฉพาะดินที่มีปริมาณทรายแป้งสูง จะทำให้อนุภาคทรายแป้งแยกตัว ไปเคลือบผิวหน้าดิน และ อุดตามช่องว่างระหว่างเม็ดดิน ทำให้หน้าดินเป็นแผ่นแข็ง และ ดินล่างแน่นทึบเป็นดาน ส่งผลให้รากพืชชอนไชได้ยาก ดูดซึมอาหารต่าง ๆ ได้น้อยลง
3. ทำลายระบบนิเวศในดิน
การพรวนดินบ่อย ๆ จะเป็นการทำลายระบบนิเวศในดิน รบกวนสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ไส้เดือน แมลง จุลินทรีย์ต่าง ๆ ทำให้อยู่อาศัยไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อการย่อยสลายอินทรียวัตถุ และ ธาตุอาหารต่าง ๆ
4. กระทบกระเทือนรากพืช
ถ้าพรวนดินรุนแรง ไม่ระมัดระวังให้ดี อาจกระทบกระเทือนรากพืช ทำให้รากพืชเสีย หรือ ถูกทำลาย จนพืชต้นนั้น ๆ ตาย หรือ ชะงักการเจริญเติบโตได้
5. ทำให้ดินเป็นกรด
ดินเป็นกรดได้ หากพรวนดินบ่อยเกินไป นั่นเป็นเพราะเมื่อหน้าดินร่วนซุย จนเป็นเม็ดละเอียด จะทำให้น้ำและ อากาศ ซึมเข้าผิวดินได้ง่ายขึ้น เมื่อถูกฝนหรือน้ำชะล้างหน้าดิน คาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในน้ำ จะทำปฏิกิริยาเคมี เกิดเป็นกรดคาร์บอนิค แตกตัวเป็นไฮโดรเจน ที่มีภาวะเป็นกรดเข้าไปแทนที่ ทำให้ดินเป็นกรดมากขึ้น กลายเป็นสภาพดินเลว ปลูกพืชผลไม่ขึ้น ไม่เจริญเติบโต
วิธีการพรวนดินที่ถูกต้อง
วิธีการพรวนดินที่ถูกต้อง ควรเริ่มจากใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสม คือ ส้อมพรวน เพราะเป็นเครื่องมือเล็ก เหมาะมือ ทำให้สามารถพรวนดิน ด้วยแรงที่เหมาะสม ไม่รุนแรงจนเกินไป จนอาจส่งผลกระทบต่อรากพืชได้
สำหรับขั้นตอนนั้น ก็ง่าย ๆ คือ ใช้ส้อมพรวน พรวนดินลงไป บริเวณรอบ ๆ ต้นไม้เท่านั้น ไม่ควรพรวนดินตรงโคนต้นไม้ หรือ รากต้นไม้เลย เพราะอาจเข้าไปทำลายรากพืชให้เสียหาย โดยควรทำอย่างน้อย ปีละ 2 ครั้ง หรือ เมื่อสังเกตเห็นว่า ดินแห้งและแข็ง ทั้งนี้ หากใครจะรดน้ำใส่ปุ๋ย ก็สามารถทำได้ หลังจากพรวนดินเรียบร้อยแล้ว
รู้จักประโยชน์ของการพรวนดินกันแล้ว หากต้องการดูแลต้นไม้ พืชผักให้เจริญเติบโตงอกงามแล้วละก็ ควรรู้จัก การพรวนดิน ให้ถูกต้อง เพื่อให้ดินมีความร่วนซุย ระบายน้ำ อากาศได้ดี ช่วยให้รากพืชสามารถหาอาหาร ดูดซึมธาตุอาหารต่าง ๆ จนสามารถเจริญเติบโต ออกดอกออกผลงอกงาม ได้ตามที่ต้องการ
30 มกราคม 2024
โดย
Pres
